Skip to main content

ถอดรหัสจังหวะก้าวของบีอาร์เอ็น ผ่านอุสตาซฮาซัน ตอยิบ

abdulloh wanahmad:AwanBook

เป็นที่ทราบกันโดยทั่วกันไปแล้วว่า โต๊ะการพูดคุยเจรจาเพื่อสันติภาพปาตานีที่ เคแอล ระหว่างรัฐไทยกับกลุ่มขบวนการบีอาร์เอ็นได้ล่มสลายลงอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อย ภายหลังจากที่ท่านฮาซันตอยิบได้ออกแถลงการณ์ผ่านทางยูทูปเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2013 ในฐานะเป็นอดีตคณะผู้แทนการเจรจาโดนสิ้นเชิง โดยประเด็นหลักอยู่ที่การกดดันของบีอาร์เอ็นต่อทางการไทยให้ยอมรับข้อเสนอเบื้องต้นห้าข้อในหลักการไว้เป็นการเบื้องต้น โดยที่อาศัยอำนาจตามมติของสภาที่ปรึกษาของบีอาร์เอ็น เพื่อเป็นความชอบธรรมในการยับยั้งโต๊ะการพูดคุยเจรจาเพื่อสันติภาพในครั้งนี้

การออกมาแถลงผ่านทางยูทูปของบีอาร์เอ็นในครั้งนี้ ถือเป็นสิ่งที่เกินคาดหมายสำหรับหลายฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับฝ่ายไทยเอง ที่คงคาดมิถึงว่าทางขบวนการจะเลือกใช้วิธีการนี้ในการรุกล้ำในทางการเมืองอีกครั้ง ถึงแม้ว่าทั้งสองฝ่ายนั้นจะทำข้อตกลงร่วมกันแล้วว่า หากมีอะไรที่จะสื่อสารระหว่างกันก็คงจะต้องผ่านฝ่ายผู้อำนวยความสะดวกเท่านั้น ซึ่งการปฏิบัติการของบีอาร์เอ็นในครั้งนี้ เป็นการกระทำที่นอกกรอบอีกครั้ง กล่าวคือมิได้สื่อผ่านผู้อำนวยความสะดวกอย่างที่ควรจะเป็น และในขณะเดียวกันถือเป็นการตัดเกมของขบวนการอื่นที่รอจังหวะและโอกาสที่จะเข้าร่วมในฐานะผู้ร่วมขบวนเจรจาเพื่อสันติภาพปาตานีด้วย

หลายฝ่ายต่างออกมาวิเคราะห์ต่างๆ นานาว่า การออกมาตัดเกมของบีอาร์เอ็นในครั้งนี้ อันเนื่องมาจากปัจจัยหลายๆ อย่าง ซึ่งหนึ่งในปัจจัยหลักที่สำคัญนั้นก็คือ ความขัดแย้งทางการเมืองของไทยเอง ที่กำลังอยู่ในช่วงการชุลมุนและความไม่แน่นอนของรัฐไทย ภายใต้การนำของ นายกยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่จะสามารถนำเรือลำใหญ่นี้ฝ่าฟันพายุทางการเมืองนี้ได้หรือไม่ เพราะท่านเป็นผู้ริเริ่มและลงทุนนโยบายในการแก้ไขปัญหาวิกฤติในภาคใต้อย่างมหาศาล อย่างที่ไม่เคยมีรัฐบาลชุดใดเคยกระทำกันมาก่อน ถึงแม้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังม่านโต๊ะเจรจาในครั้งนี้ จะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายก็ตาม

ความจริงแล้ว ความขัดแย้งทางการเมืองของไทยมิใช่ประเด็นหลักด้วยซ้ำ ที่ทำให้ทางบีอาร์เอ็นต้องออกมาตัดเกมในช่วงนี้ หากว่ารัฐไทยนั้นได้มีแบบแผนในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ที่แน่นอน

เพราะถึงแม้ความขัดแย้งภายในกรุงเทพจะเคลื่อนไปในทิศทางใด แต่ความรุนแรงในภาคใต้ใช่ว่าจะซ่าลงตามไปด้วย เพียงแต่ว่าข่าวหน้าหนึ่งบนหน้าหนังสือพิมพ์นั้น กลับถูกแทนที่ด้วยภาพผู้ชุมนุมและสัญลักษณ์ของฝ่ายผู้ประท้วงเต็มไปหมด

เพราะถึงอย่างไรการพูดคุยเพื่อสันติภาพระหว่างรัฐไทยกับบีอาร์เอ็นจะต้องเดินหน้าต่อไปอยู่ดี เพราะในทางการเมืองของบีอาร์เอ็นเอง ลึกๆแล้ว ก็คงสำเหนียกดีว่า ถึงจะรบอย่างยาวนานเช่นไรก็ต้องจบลงที่โต๊ะเจรจาอยู่ดี ไม่สามารถที่จะตัดสินด้วยจำนวนศพทหารของทั้งสองฝ่ายได้ หากยุทธวิถีทางการเมืองในระดับทูตไม่ถึงขั้นหรือไม่ครบเงื่อนไขในการเดินหน้าสู่สากลได้ อันเป็นความหวังสุดท้ายของนักปฎิวัตรในยุดโลกาภิวัตน์

สิ่งสำคัญที่ทางบีอาร์เอ็นต้องรีบออกมาตัดจังหวะในการดีดตัวเองออกจากกับดักเกมทางการเมืองในครั้งนี้ก็คือ ปัจจัยสำคัญก็คือ เพื่อป้องกันการติดบ่วงเกมทางการเมือง ที่บีอาร์เอ็นอาจเสียการควบคุมได้ในอนาคต และยิ่งไปกว่านั้นอาจทำให้บีอาร์เอ็นเองอาจหมดความชอบธรรมในการต่อสู้ในที่สุด และเหนือสิ่งอื่นใดเพื่อเป็นการตัดบทบาทของขบวนการกลุ่มอื่น ที่พยายามจะแทรกตัวเองเข้ามาในช่วงจังหวะพอเหมาะ และอาจเป็นการเพิ่มบทบาทให้กับกลุ่มบุคคลอื่นๆ เกินความจำเป็นก็เป็นได้

การออกมาในครั้งนี้ ถือเป็นที่ชัดเจนไปแล้วว่าท่านฮาซัน ตอยิบได้กลายเป็นอดีตหัวหน้าทีมคณะผู้แทนเจรจาของบีอาร์เอ็นไปแล้ว ซึ่งเป็นการสื่อให้ทางฝ่ายไทยและฝ่ายผู้อำนวยความสะดวกนั้น ต้องกลับไปทบทวนใหม่ว่า นับจากนี้ไปกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติภาพจะเดินหน้าได้อย่างไร

และที่สำคัญเป็นการตอกกย้ำถึงความไม่ชอบธรรมที่ทั้งสองฝ่าย(มาเลยเซียกับรัฐไทย)ได้กระทำต่อบีอาร์เอ็น อย่างไม่มีความเป็นศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์อยู่เลย ที่ได้สร้างละครจัดฉากให้การเจรจาเกิดขึ้นจนได้ ถึงแม้ว่าหลายฝ่ายจะออกมาแสดงความเห็นว่า ถึงการเจรจาในครั้งนี้จะเริ่มต้นได้ไม่ดีนัก แต่ก็มีความจำเป็นที่ต้องกระทำดังกล่าว

การปรากฏตัวของฮาซัน ตอยิบผ่านคลิปล่าสุดนั้น ถือเป็นการส่งสัญญาณให้กับฝ่ายไทย ให้กลับไปทบทวนบทบาทของตัวเองใหม่อีกครั้งว่า ถึงเวลาจริงแล้วหรือ? ที่รัฐไทยจะสู่โต๊ะเจรจาอย่างเป็นทางการ? อะไรเป็นหลักประกันว่า การเจรจาและข้อเสนอบนโต๊ะจะไม่ถูกฉีกทิ้งและลอยทะเลแห่งความโกหกมดเท็จเช่นเคย? ทั้งๆ ที่ความเสถียรภาพของรัฐบาลยังไม่สามารถที่จะควบคุมได้ แล้วจะเอาอะไรเป็นหลักประกันว่าการเจรจานั้นจะไม่มีวันล่มกลางคันอย่างไม่สมเหตุสมผล

ถือเป็นบทเรียนให้กับผู้เกี่ยวข้องและนักเคลื่อนไหวเพื่อสันติทั้งหลาย ไม่ว่าที่ฝักใฝ่รัฐและฝักใฝ่ขบวนการก็ตามที การเจรจาสันติภาพเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งใดๆ บนผืนพิภพแห่งนี้ หากฝืนหลักธรรมชาติหรือหลักกฎหมายอย่างที่ควรจะเป็น คงจะไปได้ไม่ไกลนัก สุดท้ายก็ต้องล่มกลางมหาสมุทรแห่งสมรภูมิรบเช่นเคย และเป็นการถ่วงเวลาของสันติภาพที่แท้จริงให้ริบหรี่และยิ่งห่างไกลโดยปริยาย