Skip to main content

จรัญ มะลูลีม

 

          เห็นด้วยและเห็นต่างของปัญญาชนมุสลิมและผู้คุ้นเคยกับพื้นที่สามจังหวัดภาคใต้ (ต่อ)

          เราก็พูดถึงประวัติศาสตร์ แต่เราไม่เคยพูดถึงกระบวนการสร้างชาติ เราไม่มีโอกาสอย่างที่ผมสะท้อนภาพส่วนราชการ 94 ต่อ 6 ข้าราชการพุทธ 94 มุสลิม 6 อาจจะเปลี่ยนในระยะหลัง เพราะภูมิหลังของชายแดนภาคใต้ การแก้ปัญหาจะละเลยสังคมไม่ได้ ถ้าเราจะแก้ในเรื่องของรายได้ ถ้าเราละเลยคำว่าสังคมนี้และสิ่งเหล่านี้ทราบหรือไม่ เพราะราชการกำหนดด้วยรูปแบบของการศึกษารูปหนึ่ง สังคมไปอีกรูปหนึ่ง มันต้องไปตามประชาชน วันนี้คุณจะทำอะไรดูเขาไม่แคร์ในเรื่องของการศึกษาแล้วคำตอบก็จะใกล้เคียงกับที่เขาเลือก

          แล้วเชื่อไหมว่าเด็กจากปอเนาะ จากตะวันออกกลางเมื่อเขาจำเป็นต้องไปเรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยอิสลามนานาชาติ เขาสามารถผ่านภาษาอังกฤษได้แล้วกลับมาก็สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ เหล่านี้ คือสิ่งซึ่งรัฐต้องมองคุณค่าเหล่านี้ไว้ แต่วันนี้สิ่งเหล่านี้มันหายาก สิ่งเหล่านี้มันเป็นคำตอบ

          ถ้าเราสังเกตดูวิธีคิด กระบวนทัศน์มันต้องเปลี่ยนเกี่ยวกับชายแดนภาคใต้ ผมถามว่าที่ออก พ.ร.บ.ศอ.บต. นี่ วันก่อน ผอ. จากกฤษฎีกา ผมถามว่าเกิดอันนี้ขึ้นมาจากอะไร เขาบอกถึงเรื่องรัฐจะอยู่อย่างไร ใครจะเป็นเลขาธิการ ใครจะวางยังไง แค่นั้นเอง มันไม่ได้มาจากประชาชนเลย สิ่งเหล่านี้มันคิดช้าไปถ้าออกมาในลักษณะแบบนี้ แนวคิดที่ผมได้บอกว่าต้องเปลี่ยนหลายคนในวันนี้มันมีซาก เดน กากเดนในเรื่องของอาณานิคมยุคใหม่แฝงอยู่ในนั้นด้วย สิ่งเหล่านี้ ไม่มีใครรับได้ ยิ่งคุณคิด แบบนั้นยิ่งอันตรายต่อภาคใต้ มันก็จะยิ่งแข็ง

          เพราะวันนี้คำตอบจากประชาชนคือไม่ชอบ อย่างนี้มันไม่แก้ปัญหาอะไรเลย

          ยกตัวอย่าง มีคณะรัฐมนตรีภาคใต้แล้วมันสะท้อนภาพของความเป็นอำมาตย์ ทำไมเรามาย้อนกลับไปจุดหนึ่งใหม่ ทั้งๆ ที่ ศอ.บต. ไปถึงจุดที่ 15-16 แล้วทำไมเราต้องถอยหลังมานับใหม่ ศอ.บต. ใช้นโยบายต่างๆ จนถึงฉบับสุดท้าย 46 นี่ ประชาชนกับสมช. วันนี้ กอ.รมน. ไปเทกโอเวอร์ มันสะท้อนภาพว่ามันไปไม่ได้แล้ว กอ.รมน. กับพี่น้องภาคใต้ล้มเหลวกอ.รมน. เป็นขมิ้นกับปูน แล้วก็ย้ำจุดเดิม ก็คงแก้ปัญหาได้ในบางส่วน แต่ผมก็ไม่ได้หวังอะไรมากมาย

          วันนี้ประชาชนคิดไกลกว่านั้นมากเลยทีเดียว จากการสะท้อนภาพบางอย่าง สะท้อนภาพรัฐไป สิ่งเหล่านี้คือจะบอกว่า มันไม่ง่ายในการแก้ปัญหาภาคใต้ ถ้าหากว่าข้อเท็จจริงคุณยังซ่อนอยู่ แล้วคุณยังคิดแบบเดิมๆ งบประมาณมากมายใช้ลงไปเพื่อที่จะบอกว่าประชาชนกับทหารดีกันแล้วนะ ใช้ภาษีพวกเราจำนวนมากเพื่อจะบอกว่าทหารดีกับประชาชน ในฐานะที่เป็นคนเขาสื่อสารกันรู้เรื่อง แต่ในฐานะที่ความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้น เขาไม่ยอม

          สิ่งซึ่งเราจะต้องพยายามคือ อย่าเอาความชั่วมาแก้ปัญหา แล้วสุดท้าย มาบอกว่าให้ความชอบธรรมแก้วิธีการที่ชั่วอันนี้ ผมไม่เห็นด้วย

          ในขณะที่ ดร.ไพฑูรย์ บุญรัตน์ มีทรรศนะว่าใผมไม่รู้ว่ามีกลุ่มของผู้รู้ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั่งอยู่ที่นี่หมดเลย เพราะฉะนั้น ผมจะพูดแต่พอสมควรนะ เบื้องลึกของมาเลเซียมันก็มีที่มาเกี่ยวพันอะไรกับเรา แต่ไม่ใช่เขาจะเอาเราไปนะ แต่มันมีเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวพันกันไปหมดเลย ถ้าอย่างนั้น เราจะเห็นภาพ ขอพูด 2 เรื่อง

          เรื่องแรกคือ พ.ร.บ. ศอ.บต. มันมีอยู่เรื่องเดียวผมเคยเป็น ผอ.ศอ.บต. คือการแย่งอำนาจกันระหว่างตำรวจ, ทหาร, พลเรือน คือท่านจิ๋ว ท่านบอกมันทะเลาะกันไปทำไม โดยเฉพาะตอนประชาธิปัตย์มาเป็นใหญ่ หรือท่านทักษิณมาเป็นใหญ่ ก็ไปเอาตำรวจมาเป็นใหญ่ครับ แล้วไปเลิกทหารเขา มันก็ทะเลาะกันสิครับ ทุกวันนี้มีการทะเลาะกันระหว่างทหารกับตำรวจ พอทหารมีอำนาจก็ดึงไปให้ กอ.รมน.ทำ ถามว่าทำอะไรทำเพื่อเอา 15% ครับ

          ตอนนี้ประชาธิปัตย์คิดแล้วว่า ถ้าทำอย่างนี้คงไม่ได้ต้องมีการเปลี่ยนแปลง เขาจึงไปเสนอ ศอ.บต. ขึ้นมาเป็นกฎหมายว่าให้อำนาจทั้งหมดมาอยู่กับพลเรือนแต่ถามว่า แล้วพลเรือนดีกว่าทหารตรงไหน เหมือนกันแค่เปลี่ยนที่อยู่เท่านั้นเอง เบื้องหลังนี่ นักวิชาการเราถูกหลอกทั้งนั้น

          เพราะฉะนั้น วันนี้ร่างกฎหมายของประชาธิปัตย์เขาต้องการแค่นี้เท่านั้นแหละ แต่ถามว่าแก้ได้ไหมมันก็เหมือนตอนผมอยู่ก็ยังล่อกันมั่ว มีตัวอย่างหนึ่งเขาบอกว่า เปลี่ยนภารกิจของรัฐโดยเพิ่มบทบาททางกิจการพลเรือน ณ วันนี้ ศอ.บต. ล้มเหลว เสนอมานี่ก็ล้มอีกแหละครับ ถ้าอยากได้ถามว่าประชาธิปัตย์แน่จริงรึเปล่า ไม่ต้องมี ศอ.บต. ตั้งรัฐมนตรีรับผิดชอบสามจังหวัดภาคใต้เลย แล้วถามว่าทำไม ถ้าทำตรงนี้นะ อำนาจการต่อรองมันอยู่ที่รัฐบาล ถ้าท่านใช้เลขาธิการแบบที่พวกผมเป็นเนี่ย มันก็เหมือนที่ท่านพูดประธานโทษครับนายกฯ ผมไม่ใช่คนทำความสะอาดมันไปพูดเรื่องอื่น มันไม่ได้พูดถึงความต้องการของประชาชน

          ท่านจิ๋วต้องการจะสร้างนครปัตตานี เพราะบ้านเมืองมันจะเจริญได้ ผมถามทำไมท่านพูดแบบนี้ท่านบอกว่าทุกอย่างมันต้องประชาชนจึงเกิดการกระจายอำนาจในปี 36 ผมบอกได้เลย คนนี้ต่างหากครับ ที่เป็นคนกระจายอำนาจ แต่ก็อย่างที่ท่านเจ๊ะอามิงพูด ท่านจิ๋วพูดแล้วไม่ค่อยรู้เรื่อง ถูกต้องแต่บนความไม่รู้เรื่องนี่คือความรู้เรื่องของคนที่มีความรู้ถ้าคนไม่มีความรู้ฟังไม่รู้เรื่องครับ เพราะบนความขัดแย้งของการเมืองมันมีสารพัดเลย ท่านจิ๋วบอกว่าเรื่องนครปัตตานีเป็นการกระจายอำนาจ ถามว่าถูกต้องไหม

          การเมืองท้องถิ่นมีอยู่ เรื่องที่ประชาชนร้องนะ 1 รูปแบบการกระจายอำนาจ ไม่ใช่ของประชาชนเลยถามว่า ประชาชนต้องการรูปแบบไหน รูปแบบนั้นต้องเป็นของประชาชนกำหนดขึ้นมา ไม่ใช่กระทรวงหรือใครกำหนด ท่านไม่ให้เขา ท่านเอาแต่ในสภา

          อันที่ 2 อำนาจการปกครองท้องถิ่น อะไรก็ตามต้องเป็นของท้องถิ่น ถ้ารัฐบาลกลางอยากได้ เขียนกฎหมายมา แต่ของเรานี่ท้องถิ่น มีอะไร กูเขียนกฎหมายเว้ย ถูกไหม นอกนั้นเป็นของกู

          อันที่ 3 การเมืองท้องถิ่นเชื่อได้ขนาดไหน เพราะอำนาจลับ อำนาจมืด มันมีอิทธิพลมากกว่าที่เราเห็น

          อีกอันหนึ่ง การปกครองท้องถิ่นมาพูดอะไรเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชน คนที่มีส่วนร่วมคือนักการเมืองมันตรงข้ามกันหมด

          การปกครองท้องถิ่นที่ผมอยากเห็นนี่ ผมอยากดูการนำของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะต้องการให้ท่านนำสู่การปกครองท้องถิ่นอะไร ถ้าท่านสู้ได้นะมันไม่ใช่กฎหมายพิเศษหรอก มันใช้ทั้งประเทศครับถามว่าพี่น้องมุสลิมอยู่ที่นั่นรึเปล่า ผมอยู่ภูเก็ต ท่านต้องรวมไปด้วย พังงาด้วย อย่ารวมแค่นั้น ปทุมธานีกี่คลองเป็นคนมุสลิม ไม่ได้มีแค่ไทยพุทธอย่างเดียวมันเป็นเรื่องของคนหลากสี เหมือนที่ท่านจิ๋วใช้คำว่าดอกไม้หลากสี ต้องพูดเรื่องความยุติธรรมถึงจะอยู่รอด แล้วมาดูว่าสิ่งที่เป็นของประชาชนจริงรึเปล่า

          ถ้าท่านทำการปกครองสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เป็นการปกครองท้องถิ่นแบบอิสระจริงๆ ได้นะทั่วประเทศจะได้ด้วยครับ เพราะฉะนั้น การต่อสู้เรื่องการกระจายอำนาจไม่ว่าใครจะสู้ก็ตาม ที่ไหนสู้เป็นประโยชน์กับท้องถิ่นทั้งประเทศครับ ไปดูทางอีสานนครพนมยิ่งกว่าสามจังหวัดชายแดนภาคใต้อีก ไปทำโครงการอีสานเขียว ไปขุดบ่อน้ำไว้ วันนี้น้ำแห้งเพราะพวกอำมาตย์ มันไม่ยอมทำให้ครับ

          ดังนั้น ประชาธิปไตยนี่ถามว่า ประชาธิปไตยที่เขียนไม่ได้เรื่อง ต้องเป็นประชาธิปไตยทางตรงครับ

          ถามว่าถ้าจะยุบสภา อบจ. นครปัตตานี ไม่ใช่ว่าให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมายุบไม่ใช่ให้นายกอภิสิทธิ์มายุบ มันต้องยุบด้วยประชาชน อย่างนี้ถึงจะได้ประโยชน์

          ร.อารง สุทธาศาสน์ กล่าวว่า ปัญหามันเกิดดมาเป็นเวลาร้อยปีแล้ว จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ปัญหาก็ไม่ดีขึ้น กลับแย่กว่าเดิม เมื่อก่อนเขาไม่ได้พูดเรื่องเขตปกครองพิเศษ แต่เนื่องจากมันล้มเหลวตลอด ขณะนี้เขาต้องพูดเขตปกครองพิเศษ ทีนี้เมื่อล้มเหลว ต้องเปลี่ยนวิธีการโดยสิ้นเชิงแล้ว จะต้องเปลี่ยนองค์กรหรือตัวผู้รับผิดชอบในการแก้ปัญหาด้วยเปรียบกับหมอรักษาคนไข้รักษายังไงก็ไม่หาย มันก็ทรุดลงไปเรื่อย ต้องทำยังไง 1. เปลี่ยนยา 2. เปลี่ยนหมอ

          จะต้องพลิกวิธีการมองปัญหา วิธีการแก้ปัญหาจะต้องพลิกหมด ถ้าใช้วิธีเดิมๆ ผมรับรองว่าไม่มีทางแก้ปัญหาได้นี่ประการที่ 1

          ประการที่ 2 ผมสอนปัญหาแบบนี้มาเป็นเวลา 30 กว่าปีในมหาวิทยาลัย ปัญหาชนกลุ่มน้อยก็มีปัญหาความขัดแย้งระหว่างกลุ่มวัฒนธรรมก็มี ทีนี้ประสบการณ์ของประเทศต่างๆ เราไม่เคยเอามาดูมันมีทฤษฎี มันมีหลักวิชา จะแก้เฉพาะบ้านเราโดยไม่ดูประสบการณ์ของประเทศอื่น เขาประสบมาอย่างไรเขาแก้อย่างไร

          ยกตัวอย่าง อเมริกันผิวดำกับผิวขาวมีสงครามกันมาตลอด ในที่สุด เขาก็แก้ได้ อะไรทำให้เขาสามารถแก้ปัญหาได้ บางคนจะเอาแต่เขตปกครองพิเศษลองไปดูซิว่าที่ไหนเขาแก้ได้บ้าง ฟิลิปปินส์แก้ได้ไหมไม่ได้ ซินเกียงแก้ได้ไหม ไม่ได้ กลับรุนแรงขึ้นเพราะฉะนั้น รูปแบบเราพับไว้ก่อน จะต้องดูที่สำคัญคือเนื้อหาว่าเราจะเอาอย่างไรในการแก้ปัญหา ชื่อไม่สำคัญหรอก สำคัญที่เนื้อหา วิธีการ และรูปแบบว่าเราจะเอาอย่างไร ที่เราพูดกันมาก คือประสบการณ์ของโลกที่เขาบอกว่า สามารถนำไปสู่การแก้ปัญหาได้

          เหมือนที่บิ๊กจิ๋วพูด สวนต้องมีหลากสี เมื่อมีคนอยู่หลายกลุ่มจะต้องเคารพสิทธิของเขาอย่างครบถ้วนบริบูรณ์ ต้องเคารพสิ่งที่เขาต้องการ ต้องเคารพตรงนี้ จะใช้กฎหมายเดียวบังคับประชาชนทุกกลุ่มไม่มีทางรับได้หรอกครับ ยกตัวอย่าง พ่อคนหนึ่งมีลูกสองคน คนหนึ่งอ้วน อีกคนหนึ่งผอม เครื่องแต่งกายบางอย่างลูกสองคนใช้ได้ แต่บางอย่างจะต้องแยกเสื้อขนาดเดียวกันไม่ได้ คนอ้วนต้องใช้ขนาดใหญ่กว่าคนผอมoนี่คือหลักการที่เขาใช้ทั่วโลก--จบ--

หมายเหตุ: ตีพิมพ์ครั้งแรกใน มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 28 พ.ค. - 3 มิ.ย. 2553