Skip to main content

การบันทึกเรื่องราวระหว่างบรรทัดเหล่านี้ เป็นส่วนหนึ่งจากประสบการณ์ที่ฉันได้เรียนรู้ความต่างทางวัฒนธรรมและความเชื่อผ่านเบ้าหลอมของศรัทธาในศาสนา ที่นำพาฉันมาให้เรียนรู้ความต่างอย่างเข้าใจ

บันทึกประสบการณ์จริงวันที่ 18 มิถุนายน 2558 ณ มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี

  • ผู้บันทึก นางสาวสุวรา แก้วนุ้ย
  • ผู้ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านภาพถ่าย นายอุสมาน ฮูเซ็น

เมื่อคืนที่ผ่านเพื่อนมา มุสลิมมะห์ตัวน้อยเพื่อนของฉัน นามว่านีโม่ เธอขอให้ฉันขับมอเตอร์ไซด์พาเธอไปมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี เนื่องด้วยความไกลจากที่พักและเธอเองก็เพลียมาจากการถือศีลอดทั้งวัน (แถมประชุมจนถึงเย็นอีก) เพื่อทำการละหมาดตะรอเวียะห์ ฟังครั้งแรกแอบขมวดคิ้วด้วยความสงสัย มันคือการละหมาดแบบไหน ไม่เหมือนละหมาดทั่วไปอย่างไร จนได้พบคำตอบว่าการละหมาดนี้เป็นการปฏิบัติศาสนกิจของพี่น้องมุสลิมในห้วงเดือนรอมฎอน

ภาพแรกที่ปรากฎในสายตาฉันหลังจากขับรถถึงหน้ามัสยิดกลางคือ "โอ้วว แม่เจ้า!!! คนเยอะมาก แถมรถก็เยอะจนต้องปิดถนนฝั่งหน้ามัสยิดเพื่อใช้ในการจอดรถ ภาพต่อมาคือ ฉันเห็นผู้ชายนั่งและยืนกันอยู่ภายในมัสยิดจนเต็มและล้นออกมา ส่วนผู้หญิงจำนวนมากก็นั่งและยืนกันจนเต็มลานพื้นด้านหน้ามัสยิดกลาง จนล้นไปที่สนามหญ้า และประตูรั้ว (ซึ่งพื้นที่ด้านหน้ามัสยิดกลางกว้างมาก-มาก) ภาพนั้นทำให้ฉันความรู้สึกถึงพลังแห่งศรัทธา ความสันติ และสงบ ที่มีอยู่จริงจนสัมผัสได้เป็นภาพปรากฏตรงหน้า และความรู้สึกที่อิ่มเอมใจขึ้นมา

โดยส่วนตัวฉันไม่เคยมีประสบการณ์ในการร่วมอยู่ในการละหมาดในรูปแบบนี้ เลยรู้สึกเก้เก้ กังกัง เมื่อต้องแยกกับเพื่อน ไม่แน่ใจว่าจะเอาตัวเองไปวางไว้ตรงไหนดีเพื่อไม่เป็นการขวางทางผู้คนที่ทยอยมาทำการละหมาด จึงเลือกที่จะเดินไปเดินมาก่อนพักหนึ่ง จนพอเสียงอ่านคัมภีร์เริ่มขึ้น คนก็เริ่มหยุดนิ่งฉันเลยพาตัวเองไปหลบตรงซอกประตูทางเข้า-ออก

ด้วยความไม่คุ้นชินและไม่ทราบว่าการทำภารกิจนี้ต้องใช้เวลามากน้อยแค่ไหน ในช่วงแรกฉันจึงใช้ชีวิตติดเทคโนโลยีแบบคนสมัยนี้ คือการหยิบโทรศัพท์มาคอยถ่ายรูป และอัพโหลดขึ้นเฟสบุ๊ค เพื่อสื่อสารภาพวิถีชีวิตที่สวยงามต่อโลกภายนอก ผ่านห้วงเวลาไปพอควร แต่กิจกรรมก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดเมื่อใด ฉันเลยตัดสินใจบันทึกความรู้สึก และตั้งสติทำสมาธิและจดบันทึกเรื่องราวเหล่านี้ผ่านตัวอักษรที่ปรากฎบนหน้ากระดาษ

ระหว่างบรรทัดของการเขียนบันทึก ทำให้ฉันได้นั่งทบทวนกับสิ่งต่างๆ ในชีวิตในวันนี้เช่นกัน มันทำให้ฉันคิดถึงความเชื่อมโยงถึงมุมมองของศาสนาที่ฉันนับถืออยู่ ในเรื่องการฝึกสมาธิและการเจริญสติ เพื่อการระลึกรู้เท่าทันตัวเอง มันช่างน่าแปลกที่แม้เรามีความแตกต่างกันทางความเชื่อ วิถีปฏิบัติ แต่เราก็มีจุดเชื่อมโยงบางอย่างที่คล้ายกัน หากเราทำความเข้าใจและเรียนรู้กัน เราก็อยู่ร่วมกันได้ด้วยความสุขเหมือนเดิม

“ไม่ใช่ความแปลก ที่เรามีวิถี ที่แตกต่าง ไม่ใช่ความแปลก ที่เรามีศาสนา ที่แตกต่าง ไม่ใช่ความแปลก ที่เรามีวัฒนธรรม ที่แตกต่าง

แต่ช่างน่าแปลก ที่บางคนไม่เคารพ ในความแตกต่างที่เรามี และยังนำความแตกต่าง มาสร้างความแตกแยก และประโยชน์เพื่อตนเอง

เราจึงต้องหยัดยืน อย่างมั่นใจ และเคารพในความแตกต่าง ระหว่างเพื่อนมนุษย์

เราต้องกล้าหาญ ในความถูกต้อง และปาดคราบน้ำตารอยเดิมออกไป

และเราจะร่วมสร้าง เส้นทางใหม่แห่งความหวัง เพื่อความสุขและสันติภาพของบ้านเรา”

#ฉันรักปาตานีเพราะที่นี่คือบ้านฉัน #สันติรอมฎอน

หมายเหตุ

บทบันทึกนี้ถูกถ่ายทอกครั้งแรกในเฟสบุ๊ค Suwara Kaewnuy ตามลิงค์ https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1000480133315941&set=a.290926144...

บทความที่เกี่ยวข้องกัน สันติรอมฎอน: ห้วงเวลาแห่งความศรัทธาและสันติภาพ ตามลิงค์ http://www.deepsouthwatch.org/node/7319