Skip to main content

สองอาทิตย์กับการใช้ชีวิตในกัมพูชา เดินทางไกลเพื่อมาเรียนรู้สิ่งใหม่ หลังจากที่รับคำแนะนำว่า..."เจ้านี้ดี มาแล้วไม่ผิดหวัง" เชื่อก็เลยมา ในใจคิดอย่างเดิยว ถ้าสิ่งนั้นจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในชีวิตฉันจริงก็ไม่น่าจะเสียหายที่ลองดูสักครั้ง ไม่ได้มาคนเดียว แต่มีเพื่อนมาร่วมชะตากรรมด้วย17 คน ซึ่งมาจากหลายภาค อีสาน เหนือ ใต้ โดยการนำของเจ้าหน้าที่โปรเจคสะพาน ดำเนินการโดยบริษัท DAI (THAILAND) สนับสนุนโดย USAID สหรัฐอเมริกา....

การเรียนรู้สิ่งใหม่ที่ว่านั้น เป็นหลักสูตรที่เขาใช้ชื่อเรียกว่า OPERACY ซึ่งเป็นคำที่เจ้าของหลักสูตรเป็นผู้กำหนดขึ้น โดยคำเเล้วไม่มีความหมาย แต่โดยconcept คือ หลักสูตรที่สร้างความเชื่อมั่นในตัวเองและปลุกความเป็นผู้นำทีซ่อนอยู่ในตัวเราออกมา และกระตุ้นให้มองเห็นทิศทางของชีวิตมากขึ้น...ไม่น่าเชื่อว่า...แค่นั่งฟังก็เปลี่ยนอะไรได้มากมายในชีวิต...ที่สำคัญคือวิธีคิด...

CHANGE YOUR LIVE BY CHANGE YOUR THINKING...

CHRISTOPHER LEE คืออาจารย์ของพวกเรา เป็นผู้ชำนาญการพิเศษในการพัฒนามนุษย์ จากประสบการณ์การสร้างคนมาเกือบ 200,000 คน หมายถึงคนที่ผ่านการOPERACY สามประเทศ อินโดนีเซีย ลาวและปัจจุบันมีองค์กรอยู่ในกัมพูชา ภายใต้องค์กรที่ชื่อว่า HUMAN EARTH DEVELOPMENT CENTER เล็กๆแต่งานใหญ่...เปลี่ยนคนที่หมดหวังในชีวิตให้เป็นผู้ประสบความสำเร็จได้ในระยะเวลาอันสั้น...

หลักสูตรนี้ พูดถึง สิ่งที่มีอิทธิพลต่อชีวิตมนุษย์มากที่สุด กำหนดชะตากรรมมนุษย์ได้ ตั้งแต่อดีต ปัจจุบันและอนาคต...วิทยาการพยายามบอกว่า มันมีอิทธิพลมากขนาดสามารถทำให้คนเกิด อยู่รอดมาได้ และทำให้คนตายนับล้านในเวลาเสี้ยวนาที...และทำให้คนแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นอย่าง....สมองนั้นเอง

NEKTOP คือคอมพิวเตอร์ของมนุษย์ ที่ตั้งอยู่บนคอของมนุษย์ มีประสิทธิภาพที่ไม่สามารถบรรยายได้ สร้างกำแพงเมืองจีน ปีรามิด ทัชมาฮัลให้คนทึ่ง และยังสามารถสร้างระเบิดทำลายล้างชั้นเยี่ยมขนาดทำลายล้างเพื่อนมนุษย์ด้วยกันได้หลายหมื่นคนและเจ็บอีกนับล้าน ก็มาจากความสามารถของสมองในการสรรสร้าง มาจากแหล่งเดียวกัน ซึ่งสิ่งที่ทำให้สมองเราต่างก็คือระบบที่ควบคุมสมองเหล่านั้นนั้นเอง

สิ่งเหล่านี้ คนส่วนใหญ่รู้โดยทางกายภาพว่า สมองมีรูปร่างเป็นอย่างไร สมองทำหน้าที่อะไร แต่สิ่งที่น่าเชื่อว่าแม้จะเหมือนกันจากภาพภายนอก แต่สมองของแต่ละคนกลับทำให้คนมีความแตกต่างกัน เทียบตัวเองกับไอน์สไตน์ เทียบกับนักสำรวจอวกาศ เทียบกับขอทาน ทำไมเราจึงมีชีวิตที่ต่างกัน...ใครเชื่อแต่โชคชะตาก็บอกว่า ฟ้าลิขิตเราให้ต่างกัน...แต่อาจารย์บอกว่า คนที่ลิขิตเราคือเราเอง...

บางคนอยู่กับปัญหาจนชิน...บางคนบอกว่ารู้ แต่ไม่มีทางเลือก...บางคนก็ have no idea... ทั้งหมดล้วนแต่ทำให้โลกเต็มไปด้วยข้อจำกัด...และเป็นสาเหตุที่ทำให้ชีวิตต้องจมอยู่กับปัญหา...คิดดูว่าคนแบบนี้มีจำนวนเท่าไหร่ในสังคมและโลกใบนี้...

สมองไม่ต่างแล้วอะไรต่าง

สิ่งที่ต่างคือการใช้งาน ผู้ยิ่งใหญ่ของโลกใช้สมองไม่จำกัดมันด้วยคำว่า...ทำไม่ได้...ไม่เชื่อ...และฟ้าลิขิตมาเป็นอย่างนี้...คนที่ประสบความสำเร็จในโลกเผชิญกับความบ้มเหลวในชีวิตมากกว่าจำนวนครั้งของความสำเร็จซะอีก...แต่เพราะคนส่วนใหญ่สนใจในภาพของความสำเร็จและอยากจะเป็นแบบนั้น ตามภาพที่เราเห็น แต่ไม่อยากเจอกับความล้มเหลวที่คนคนนั้นเจอ...อาจารย์บอกว่า แบบนี้เขาเรียกว่า...อยากสำเร็จ แต่ไม่อยากออกแรง...อาจารย์ย้ำแล้ว ย้ำอีกว่า...ไม่มีทางลัดสู่ความสำเร็จ....

ปัจจุบัน เรายังไม่รู้ว่า ชีวิตอยู่ตรงไหน

 

ทำไมต้องกัมพูชา....

เคยถามเจ้าหน้าที่ของโครงการสะพาน จากDAI ว่า ทำไมต้องมาอบรมที่นี้ ทำไมไม่จัดที่ประเทศไทย ได้รับการอธิบายที่สามารถเข้าใจได้ไม่ยากคือ คนที่อบรมที่ดีที่สุดในเรื่องนี้ตอนนี้คือ อาจารย์christopher lee มีองค์กรที่ชื่อว่า HEDC INTERNATIONAL อยู่ที่นี่ ช่วงนี้เป็นช่วงขาขึ้นของOPERACY มีคิวการอบรมยาว อาจารย์ไม่มีเวลาในการเดินทางไปประเทศไทย จึงต้องเอาคนของเราออกมา และเจ้าหน้าที่โครงการยังบอกอีกว่า การที่เราออกมาทำการอบรมในครั้งนี้เพื่อเตรียมตัวไปอบรมในประเทศ เพื่อสร้างคนที่มีความคิดที่สอดคล้องกับระบบประชาธิปไตย กล่าวคือพลเมืองภายใต้ระบอบประชาธิปไตย์ต้องทำหน้าที่ของตัวเองด้วย และนั้นหมายถึงต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเองว่า การเมืองจะดี ไม่ใช่เพียงผู้ปกครองเท่านั้นที่จะต้องดี แต่หมายถึง คนในชาติก็ต้องกระตุ้นให้ผู้ปกครองทำตามหน้าที่ของตนด้วย...ซึ่งนั้นคือปัญหาที่เรากำลังเผชิญมานานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน...แต่หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นแค่อดีตในอนาคตอันใกล้

และก็ยังถามอาจารย์ว่า ทำไมต้องมาตั้งองค์กรที่กัมพูชา...

เราสงสัยว่า ทำไมต้องมาตั้งองค์กรที่กัมพูชา ซึ่งถ้าดูแล้วไม่น่าจะมีแรงจูงใจพิเศษ...ถึงขนาดต้องมาตั้งองค์กรที่น่าสนใจขนาดนี้ที่นี่...เมื่อได้ฟังคำตอบแล้วยิ่งสนใจโปรแกรมนี้มากขึ้น...เมื่ออาจารย์เล่าให้ฟังว่า "ความตั้งใจของอาจารย์คือการสร้างให้คนสามารถประสบกับความสำเร็จในชีวิต โดยต้องรู้จักและเชื่อว่าตัวเองมีพลัง และคนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าตัวเองมีความมหัศจรรย์เหล่านั้นอยู่ คนในที่เป็นแบบนั้นส่วนใหญ่จะเห็นได้ว่ามีความคิดที่ปิด ไม่ยอมรับสิ่งอื่น นั้นไม่ใช่เพียงเขาไม่เห็นความสำคัญของสิ่งรอบข้าง แต่เเม้ตัวเองเขาจะมองไม่เห็นเหมือนกัน...ซึ่งความล้มเหลวของคนหนึ่งคน จะหมายถึงความล้มเหลวของชาติ...เพราะทุกอย่างเชื่อมโยงกัน"

เมื่อมองประเทศอย่างกัมพูชา เราจะมองเห็นแต่ความยากจน ความไม่เท่าเทียมซึ่งจริงๆแล้วก็เหมือนกับประเทศทั่วไป แต่เพราะที่นี้ตกอยู่กับภาวะสงครามในสมัยพอลพต ผู้นำเขมรแดงเรืองอำนาจ แม้จะเป็นผ่านไปแล้วหลายปี แต่ความเสียหายเนื่องจากวันนั้นเป็นสิ่งที่ตามหลอกหลอนคนที่นี่ไม่เลิก อย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน คนที่นี่ ต้องได้รับความช่วยเหลือ ไม่ใช่เรื่องเงิน ไม่ใช่เรื่องที่อยู่อาศัยหรือปัจจัยอื่นใด แต่เป็นความเชื่อเหลือด้านจิตใจ...ต้องทำให้คนที่นี่ฟื้นจากฝันร้าย โดยให้ความคิดที่หลุดพ้นจากวงจรปัญหานั้น แล้วเขาจะมองเห็นว่าชีวิตมีความหมายกว่าการเดินเตะฝุ่นหรือขอทานทางถนน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ทำได้แค่รู้จักและเชื่อมั่นในตัวเอง และต้องเชื่ออย่างหนึ่งว่า..."มนุษย์เกิดมาเพื่อประสบความสำเร็จ ไม่ได้เกิดมาเพื่อประสบความล้มเหลว"...

คนกัมพูชาหลายคนที่เข้าการอบรม OPERACY ของ HEDC แล้วเลื่อนขั้นการทำงาน และประสบความสำเร็จในระยะเวลาอันสั้น...ฟังดูไม่น่าจะแปลก แต่ถ้าทราบเบื้องหลังของความถอยหลังของกัมพูชาที่เชื่อมโยงกับสงครามในสมัยเขมรแดงแล้ว จะรู้ว่า...ทำไมถึงทำให้OPERACY เป็นความหวังใหม่ของคนที่นี่ และกระแส OPERACY ได้รับการตอบรับและนิยมอย่างมาก แม้กระทั่งกลุ่มคนที่มีตำแหน่งการงานที่สูง ข้าราชการและนักธุรกิจก็ยังเข้าร่วม...

ไม่มีอะไรพิเศษในเนื้อหา ทุกอย่างเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้แล้ว รู้มานาน แต่สิ่งที่อาจารย์พูดถึงคนที่ล้มเหลวในชีวิต...คือคนที่มีความคิดปิด รู้แต่ไม่ทำ ไม่ยอมรับ พูดว่า...ใช่ฉันรู้ แต่....การอ้างเหตุผลแบบนี้ไม่ได้เกิดจากใครมาบังคับเรา เราเองที่พาตัวเองไม่ประสบความสำเร็จ มันทำให้ชีวิตอ้างแต่ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นมาจากคนอื่น มาจากสังคม มาจากโชคชะตา จึงทำให้เขาไม่สามารถประสบกับความสำเร็จในชีวิต ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว มันคือการกำหนดข้อจำกัดของตัวเอง โดยที่เราไม่รู้ตัว และทำให้ชีวิตเราไม่เริ่มต้นทำอะไร เพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับความเสี่ยง ยุ่งยาก ท้าทาย สาเหตุทั้งหมดนี้คือความกลัว ความกลัวทำให้คนไม่เริ่มทำอะไรจริงๆสักที และความกลัวเป็นเหมือนกำแพงที่ไม่พาให้เราสำเร็จในชีวิต...

เมื่อรู้จักสาเหตุที่ทำให้ชีวิตเราเหมือนติดอยู่ในเขาวงกตที่ไม่รู้ว่าจะเจอทางออกเมื่อไหร่ เราจะสามารถมองเห้นว่าจริงแล้ว ไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลากับปัญหาแบบนี้อีก ชีวิตเราสามารถสร้างคุณค่าให้เกิดขึ้นแก่โลกใบนี้อีกเยอะ...เราแค่หาสาเหตุของปัญหา ยอมรับ ทำความเข้าใจกับมัน และรู้ว่าจะจัดการกับมันอย่างไร นั้นคือทางออก...เมื่อสามารถก้าวพ้นสิ่งนั้นแล้ว ไม่ใช่แค่คนอื่นจะทึ่งในการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ แต่ตัวของคุณเองจะตกใจในมันเช่นกัน...และเราจะได้เริ่มสร้างปรากฏการณ์นั้นแก่คนอื่น อย่างเชื่อมั้นและมั่นใจ...

เชื่อมั่น..

คนเราเกิดมาเพื่อสร้างคุณค่าแก่โลก...เพื่อประสบความสำเร็จ...เพื่อเปลี่ยนแปลง...

เพื่่อนำมนุษยชาติสู่เส้นทางที่ถูกต้อง....

มองให้เห็นว่าปัญหาเหล่านั้นคืออะไร...มันทำให้ชีวิตเราอยู่กับที่หรือถอยหลังบ้างหรือไม่...

คุณต้องการให้มันเป็นอย่างนั้น..ไปอีกนานแค่ไหน...

คุณอยากออกจากเขาวงกตหรือไม่...คุณอยากประสบความสำเร็จในชีวิตหรือไม่...

หาคำตอบเหล่านั้น...ถ้าอยากประสบ ก็ต้องลงแรงกันหน่อย...

ความคิดของเรามีพลังกว่าที่คิด...อย่าจำกัดมันด้วยความ...

เป็นไม่ได้..ไม่รู้..ไม่มีทางเลือก..

...ไม่ต้องอ้างว่าเป็นเพราะใคร คนอื่น...แต่ให้มองว่า...วันนี้จะต้องทำอะไรเพื่อขจัดสิ่งเหล่านั้นออกไป...

...ทำในสิ่งที่ถูกต้อง..เราทำอะไร..จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ไม่ต้องกังวล..จะประสบความล้มเหลวหรือไม่ต้องกลัว...เพราะแค่เราทำอะไรบ้างอย่างที่สามารถบอกตัวเองได้ว่า...อย่างน้อยได้เริ่มทำแล้ว...ก็พอ