Skip to main content

 

 

พอรู้ว่าหนังสือเล่มนี้สื่อถึงคำว่า ‘สงครามกลางเมือง’ มิตรผู้มีน้ำใจของพวกเราหลายคนออกปากท้วงติงด้วยความห่วงใย เพราะหวั่นเกรงว่าจะเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้มากขึ้น หรืออาจเป็นการชี้นำจนเกินไป แต่พอพวกเราค่อยๆ อธิบายว่า เนื้อหาส่วนใหญ่ที่ใส่ไว้เป็นเพียงรวบรวมเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งที่เคยเป็นข่าวและไม่เคยเป็นข่าว เพื่อให้ผู้อ่านได้มีกรอบการปะติดปะต่อจิ๊กซอได้ ความกังวลทั้งหลายทั้งปวงดูจะคลี่คลายไปในทางที่ดี

เพื่อนนักข่าวในสนามข่าวสีแดงบางคนบ่นว่า นับวันความจริงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ยิ่งหายาก เพราะยิ่งสถานการณ์ความรุนแรงถูกยกระดับมากขึ้นเท่าไหร่ การทำหน้าที่ของสื่อมวลชนที่จะสะท้อนแง่มุมต่างๆ ก็ยิ่งมีอุปสรรคมากขึ้น เนื่องจากเงื่อนไขต่างๆ ยิ่งซับซ้อนซ่อนเงื่อน

และที่ยากไม่แพ้กันคือหยิบยกเรื่องราวมาถ่ายทอดให้สังคมได้รับรู้อย่างเข้าใจ

หลังจากหารือกันหลายรอบจนได้ข้อสรุปถึงแนวทางของหนังสือเล่มนี้แล้ว พวกเรา 3-4  คนที่เป็นนักข่าวส่วนกลางได้ไปสมทบกับเพื่อนนักข่าวในพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลเพิ่มเติมอยู่ประมาณ 2 สัปดาห์

ก็จริงอย่างเพื่อนว่า...แม้ก่อนหน้านี้เมื่อกลางปี 2548 พวกเราเคยยกโขยงกันไปกินนอนอยู่ที่ปัตตานีกันนานนับเดือนเพื่อปักหลักทำข่าว แต่เที่ยวนั้นดูจะปลอดโปร่งกว่าเที่ยวนี้มาก ความจริงในวันนั้นหาไม่ยากเท่าวันนี้

บางหมู่บ้านที่เคยเข้าไปเขียนสกูปเรื่องราวของมิตรภาพระหว่างชาวบ้าน 2 ศาสนา เที่ยวนี้กลับไปติดตามดูแทบหาไม่เจอแล้ว บางแห่งชาวบ้านก็แอบมากระซิบเราด้วยความเป็นห่วงว่า อย่าขับรถกลับในช่วงหัวค่ำ ถ้าไม่ค้างคืนด้วยกันก็ให้กลับหลัง 3 ทุ่ม

 

กลับมากรุงเทพฯ ไม่กี่วัน กลุ่มชาวประมงพื้นบ้านที่ตันหยงเปาว์ อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี้ ซึ่งถือว่าเป็นการรวมตัวของชาวบ้านที่เข้มแข็งเพื่อปกป้องทรัพยากรในทะเล ถูกคนร้ายเผาที่ทำการ ตลอดจนเครื่องมือประมงและเรือลาดตระเวณ จนหมดสิ้น ทั้งๆ ที่มีหน่วยงานทหารตั้งอยู่ไม่ไกล

ถือได้ว่าเป็นความเจ็บปวดมากของคนทำงานภาคประชาชนและเป็นความพ่ายแพ้ของชาวบ้าน เพราะที่นี่เปรียบเสมือนศูนย์สาธิตที่ทุกฝ่ายต่างชื่นชม

ที่สำคัญ คือ หลังเกิดเหตุ พวกเขากลับไม่ได้รับความใส่ใจจากภาครัฐเท่าที่ควร

ความรุนแรงและโหดร้ายอันเกิดจากฝีมือมนุษย์ในยุคปัจจุบันได้สะบั้นสัมพันธภาพเก่าแก่ที่ชาวบ้านหลายยุคร่วมกันก่อร่างมาจนขาดวิ่น 

ไม่ว่าเหลียวไปทางใดก็มีแต่ความกลัวและความหวาดระแวง เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เสียงเพรียกหาปืนดังกระหึ่มไปทั่วจังหวัดชายแดนใต้ เพราะทุกคนต่างก็ต้องปกป้องตัวเอง ในเมื่อเจ้าหน้าที่รัฐไม่สามารถให้การคุ้มครองได้

เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ชาวบ้าน 2 ศาสนาต้องเผชิญหน้ากันเอง ทั้งๆ ที่ส่วนใหญ่ใฝ่หาสันติสุขเหมือนกัน 

 

การจับอาวุธห้ำหั่นกันเองระหว่างชาวบ้าน เริ่มปรากฎให้เห็นชัดเจนขึ้นทุกวัน ยิ่งมีข้อมูลของศูนย์เฝ้าระวังฯ ระบุว่าอาวุธปืนถูกส่งเข้าไปในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้เพิ่มขึ้นมาก ยิ่งน่าเป็นห่วงว่านับวันสถานการณ์ระหว่างประชาชนด้วยกันเอง กำลังบานปลายจนยากจะควบคุม

สังคมย่อมสงบสุขไม่ได้ หากคนบริสุทธิ์ยังคงถูกฆ่าตายอย่างเหี้ยมโหด โดยที่คนร้ายไม่ถูกลงโทษ

สังคมย่อมสงบสุขไม่ได้ หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดถูกรังแกและไม่ได้รับความเป็นธรรม

สังคมย่อมสงบสุขไม่ได้ หากคนในชุมชนนั้น มีแต่ความโกรธแค้นและเกลียดชัง จนต้องคว้าอาวุธใกล้มือไล่ประหัตประหารกัน

ปีนี้ฝนมาเร็ว มรสุมก่อตัวในอ่าวไทยอย่างไม่เคยปรากฎมานาน 40 ปี ลมเย็นๆก่อนพายุใหญ่พัดโหมชวนยะเยือกไปถึงข้างใน

 

ภาสกร จำลองราช  : 17 พฤษภาคม 2550