Skip to main content

 เรื่องสั้นโดย นวลีย์


 

1.        

            ทำไมคนในวงค่อยๆลุกกลับบ้าน เมื่อผมเริ่มพูดเข้าเรื่องที่อยากพูด โดยเอาเรื่องราวที่ได้รู้มาเล่าให้พวกเขาฟัง ทั้งที่สิ่งนี้เป็นที่ผมเห็นว่าเป็นทางรอดของชาวพุทธที่จะอยู่อย่างปลอดภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ “ชาวบ้านอย่างเราๆต้องอยู่ร่วมกันให้ได้ ชาวพุทธต้องปกป้องมุสลิมและชาวมุสลิมต้องดูแลชาวพุทธ”          นั้นเป็นประโยคทิ้งท้ายที่ผมคิดว่าผมควรหยุดพูดได้แล้ว เมื่อคนในวงตะวากหายไปจนเหลือเพียงญาติที่เป็นตำรวจคนหนึ่ง คุยกันต่อสักพักหนึ่ง ผมจึงกลับมานอนในคืนก่อนวันที่ผมต้องไปจัดการประสานงานกับรถทัวร์สุไหงโกลกกรุงเทพ เพื่อรับเด็กและเยาวชนที่จะเข้าร่วมกิจกรรมค่ายเมล็ดพันสันติวิถี

            เป็นวันที่ค่อนข้างปวดหัวและยุ่งยากอยู่ไม่น้อย แต่ผมก็ดำเนินการไปตามขั้นตอนอย่างที่เคยทำมาแล้วถึง 3 รุ่น ด้วยงานที่ต้องพบกับเด็กวัยรุ่นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดินแดนซึ่งเป็นบ้านเกิดของผมเอง ทำให้ผมพบว่าชีวิตมีโจทย์เฉพาะของแต่ละคน โดยมักเปรียบเรื่องราวในช่วงชีวิตของตนเองกับชีวิตของพวกเขา แม้ในหลายชีวิตที่ประสบเหตุร้ายจนดูภายนอกคล้ายว่าเขาจะสิ้นหวัง กับบทสนทนาสั้นๆห้วนๆที่ผมเองก็อยากให้มันหยุดลงเสีย เมื่อต้องทำความรู้จักกับนักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรม หากลึกๆแล้วแต่ละคนมีความหวังของชีวิต ผมคิดเช่นนั้นด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาบอกว่า พวกเขาจะคุยกับเรามากขึ้นเมื่อสนิทสนมกันมากกว่านี้ เคยมีผู้กล่าวไว้ว่า “ความหวังซึ่งเป็นดั่งดาวเหนือนำทางของนักเดินเรือในท้องทะเล เรือไม่เคยไปถึงดาวเหนือ “ หลายครอบครัวที่นี้เป็นดั่งเรือลำน้อยที่กำลังล่องฝ่ามหาสมุทรกว้างไปสู่จุดหมาย แม้ในโจทย์ที่รุนแรงด้วยมรสุมที่กระหน่ำซัด จนกระทั่งกัปตันเรือถูกคลื่นพัดหายไปในทะเล เป็นคำถามที่ระงมเศร้าอยู่ในมหาสมุทรกว้างหลังพายุสงบ ครอบครัวที่ขาดหัวหน้าจะประคับประคองลูกเรือไปสู่จุดหมายอย่างไร

            มีเรื่องราวของเด็กชายวัยรุ่น 2คนที่ผมจะเล่าให้ฟัง คนแรกเป็นมุสลิมเขาชื่อ “มิน” ผมได้พบครอบครัวของมินเพียงครั้งเดียวตอนไปรับเขาที่สถานีขนส่งปัตตานี เขาเป็นเด็กนักเรียนจากเครือข่ายโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งที่อำเภอกะพ้อจังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นนักเรียนที่โรงเรียนคัดเลือกส่งเข้าร่วมค่ายเมล็ดพันธ์สันติวิถีซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการที่ผมรับผิดชอบอยู่ โดยมินจะต้องร่วมทางกับเพื่อนๆจากโรงเรียนต่างๆในพื้นที่ เพื่อเดินทางไปร่วมกิจกรรมค่ายที่จังหวัดกาญจนบุรี ผมจองที่นั่งรถทัวร์ไว้สำหรับทุกคน แล้วนัดพบตามจุดที่รถจอด โดยมินขอขึ้นรถที่สถานีขนส่งปัตตานี พร้อมกับเพื่อนร่วมค่ายจากโรงเรียนอื่น  มีคนจากที่บ้านของมินมาส่งกันหลายคน หากให้เดาว่าเป็นใครบ้าง นอกจากคุณแม่แล้วคงเป็นคุณตาและน้องๆของมิน ผมไปซาลามจับมือกับคุณตาของมิน ยกมือไหว้สวัสดีแม่ของเขา พร้อมรับปากรับคำเป็นภาษามลายูปนไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นถึงความปลอดภัยในการเดินทางครั้งนี้ เพื่อให้กับครอบครัวของมินสบายใจมากที่สุด ผมรู้สึกประทับใจเมื่อเห็นมินครั้งแรก เขาเป็นคนมีลักยิ้ม ซึ่งภายหลังผมพบว่าเขามีเสน่ห์กับเพื่อนๆในค่ายด้วยรอยยิ้มที่มอบให้กับผู้คนรอบข้าง

            ใครเลยจะเข้าถึงความรู้สึกเจ็บปวดนั้น ความเจ็บปวดจากการสูญเสียผู้นำครอบครัว หรือผู้เป็นพ่อในช่วงเวลาที่เขาเองกำลังเข้าสู่วัยรุ่นเช่นมิน มินเป็นพี่คนโตเขามีน้องอีกสองคน คุณแม่ของมินต้องย้ายบ้านไปอยู่กับคุณตาเนื่องจากความหวาดกลัว หลังจากพ่อของมินซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านถูกลอบยิงเสียชีวิต

“ตอนแรกได้ยินชื่อ ศูนย์สันติ...ศูนย์สันติ ผู้ปกครองนักเรียนเข้าใจว่าเป็นโครงการของทหาร เขาไม่อยากให้มานะ ทางเราเองก็กังวลเวลานักเรียนไปค่าย”ผู้อำนวยการโรงเรียนที่เป็นมุสลิมพูดอย่างตรงไปตรงมา เพราะในพื้นที่โรงเรียนนั้น เกิดสถานการณ์ที่สร้างความหวาดกลัวให้ชาวบ้านสูง การร่วมกิจกรรมกับทางราวการอาจตกเป็นเป้าหมายทำร้ายจากผู้ไม่หวังดี ส่วนหนึ่งเป็นความหวาดระแวงว่ากิจกรรมค่ายที่จัดโดยหน่วยงานความมั่นคงจะเป็นการหาข้อมูลเชิงลึกจากเยาวชนผู้เข้าร่วมด้วย

2.
            หลายครั้งที่ผมต้องขับรถตระเวนทั้งสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ภายในวันเดียว เพื่อประสานงานกับโรงเรียนมัธยมซึ่งเป็นโรงเรียนเครือข่าย โรงเรียนเครือข่ายทั้งหมด 12 โรงเรียน ในช่วงที่ผมทำงานเป็นผู้จัดการโครงการให้กับสถาบันการศึกษาวิจัยความขัดแย้งของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ผมมีหน้าที่ประสานงานกับครูและผอ.โรงเรียน เพื่อนำประเด็นสันติวิธี สิทธิเด็ก และวินัยเชิงบวกเข้าไปส่งเสริมให้กับโรงเรียน การลงพื้นที่โรงเรียนถูกวางไว้ในแผนอย่างน้อยเดือนละ 1-2 ครั้ง ผมขับรถกะบะโตโยต้าวีโก้ของโครงการเดินทางลงพื้นที่ ลึกๆ เช่น อำเภอยะหา จังหวัดยะลา อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส อำเภอสายบุรีจังหวัดปัตตานี ซึ่งจัดว่าเป็นพื้นที่เสี่ยงในแผนที่ความมั่นคงของรัฐ เส้นทางที่มีด่านตรวจ1ด่านต่อ 15 กิโลเมตรโดยเฉลี่ย บางครั้งที่เจอเจ้าหน้าที่ตรงด่านตรวจปิดเส้นทางเพราะพึ่งเกิดเหตุการณ์ระเบิดตรงทางข้างหน้า หรือเส้นทางเปลี่ยวเช่นเส้นทางบนภูเขาทางไปอำเภอสุคิริน หรือเส้นทางที่มีรถน้อยคันจะสวนมาแม้ในยามกลางวันในพื้นที่ระหว่างอำเภอรามันกับตัวเมืองยะลา ผมไม่ได้หวาดกลัวอะไรมากในขณะนั้น แต่ก็ระมัดระวังตัวด้วยการเลือกที่จะหยุดคิด หรือหันหลังกลับ หรือเดินหน้าต่อ ซึ่งเป็นการตัดสินใจด้วยการสอบถามจากเส้นทางจากเครือข่าย เพื่อนที่รู้จักทั้งที่เป็นพุทธและทั้งที่มุสลิม

            เมื่อมีใครถามผมว่า “ทำไมถึงเลือกทำงานที่ต้องลงพื้นที่เสี่ยงด้วย” นอกจากค่าจ้างที่ถือว่าสูงพอสมควรแล้ว ผมมีโจทย์ส่วนตัวในเรื่องเครือญาติชาวพุทธในพื้นที่ กับมรดกซึ่งเป็นบ้านและสวนยางอยู่สิบกว่าไร่ที่สุไหงปาดีบ้านเกิด ผมรักที่นั้นมาก ถ้าเหตุการณ์ไม่สงบเกิดขึ้นจนรัฐไม่สามารถควบคุมได้แล้วผมจะดูแลมรดกเหล่านี้ไว้อย่างไร ทางเดียวที่ผมเห็นว่าจะดูแลทรัพย์สมบัติของผมได้คือสร้างเครือข่ายโดยการประสานเชื่อมสร้างความเข้าใจระหว่างชาวพุทธและชาวมุสลิมในพื้นที่ความขัดแย้ง  ทั้งที่คนทำงานด้านสันติภาพหรืองานด้านสิทธิมนุษยชนต้องทนแรงกดดันในสังคมสูงมาก ผมในฐานะคนพุทธในพื้นที่ต้องเผชิญกับปัญหานี้ด้วยเช่นกัน หากตอนเช้าของวันผมไปร่วมเวทีเสวนาพูดคุยเรื่องการซ้อมทรมานผู้ต้องหาคดีความมั่นคงที่ห้องประชุมสักแห่งในเมืองปัตตานี แล้วตอนเย็นผมต้องกลับมานั่งคุยในวงตวาก(น้ำตาลเมา)ของญาติพี่น้องที่เป็นชาวพุทธที่บ้านที่อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส ในวงคุยของเครือญาติที่เป็นทั้งตำรวจ อส. ทหารพราน ผชบ. ชรบ.หรือชาวบ้านธรรมดา ชาวพุทธแทบทุกคนในพื้นที่ต้องมีญาติพี่น้องมากกว่า1รายที่ถูกลอบยิงหรือทำร้ายจนเสียชีวิตหรือการข่มขู่คุกคามเพื่อไล่ออกจากถิ่นฐานด้วยเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ หลายคนที่ต้องย้ายบ้านจากในสวนยางลึกๆมาอยู่รวมกันในตัวตำบลที่มีชาวพุทธด้วยกัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาจะมีแนวคิดว่าต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่รัฐเข้าแก้ปัญหาอย่างเด็ดขาดเท่านั้นจึงจะแก้ปัญหาได้ ในขณะผมนำเรื่องราวจากวงเสวนาเพื่อกระบวนการสันติภาพมาพูดคุยในวงตวาก นั้นจะเป็นช่วงเวลาที่สมองผมต้องเรียบเรียงคำพูดหรือแสดงความคิดเห็นอย่างระมัดระวังมากที่สุด เพราะแรงสะท้อนกลับอาจเป็นคำพูดตรงโผงผางออกมาว่า “ไปเข้าข้างโจร”  และมันจึงเป็นช่วงเวลาที่ผมอึดอัดใจมาก ทั้งอยากจะตะโกนออกไปว่าคนเหมือนกันทั้งนั้นที่โดนยิงตายในแต่ละวัน

            “คดีความมั่นคง ยกฟ้อง60% นั้นแสดงว่าเจ้าหน้าที่รัฐจับแบบเหวี่ยงแห จับแพะ”เสียงของเพื่อนทนายความมุสลิมในวงเสวนาช่วงบ่ายดังแว่วอยู่ในหู
            “จับมาก็ปล่อย เมื่อไรเหตุการณ์จะสงบสะที รัฐบาลคอยช่วยโจร ตำรวจทหารโดนยิงตายตั้งเท่าไรไม่เห็นสนใจ”น้าเขยซึ่งเป็นตชด.พูดให้ฟังในตอนเย็น
            “พวกทหารจับเพื่อนผมขึงผึดแก้ผ้าในห้องเย็นแล้วซ้อม”เสียงของเพื่อนนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนดังจากในวงเสวนา
            “มันยิงคนไทยที่บาเจาะอีกแล้ว ยิงยกครัว เหลือเด็กหญิงลักซ่อนอยู่รอดมาคนหนึ่ง”เสียงของญาติที่เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเล่าข่าวที่ฟังผ่านวิทยุสื่อสารของฝ่ายปกครอง

            ผมยกพรอก(กะลามะพร้าว)ที่รินน้ำตวากมาถึงรอบตนเองดื่มจนหมด แล้วมวนใบยาสูบดูด การดื่มน้ำตวากจากกะลาใบเดียวจะวนไปตามรอบ หมดน้ำตวาก ใครอยากต่อด้วยเหล้าต้มก็ต้องเรี่ยไรกันตามสมควรแล้วหาอาสาสมัครออกไปซื้อ ในยามดึกของคืนวันหยุดเมื่อผู้คนในวงตวากผู้ยึดอาชีพกรีดยางเริ่มทยอยกลับบ้านไปนอนเนื่องจากต้องตื่นแต่เช้ามืด ผมมักคุยปัญหาลึกๆกับญาติที่เป็นตำรวจคนหนึ่ง ในช่วงเวลานี้ผมสามารถพูดคุยในแง่มุมที่ผมพยายามจะบอกออกมาได้ เรื่องความเจ็บปวดจากอีกฝ่ายหนึ่งของคู่ขัดแย่งคือชาวพุทธและชาวมุสลิมออกมาสื่อสารมากที่สุด และแม้เสียงสะท้อนที่ผมพยายามอธิบายแก้ต่างในคำที่ชาวบ้านมักใช้ว่า “ไปเข้าข้างโจร”ซึ่งผมอยากพูดคุยและอธิบายความอึดอัดใจกับคนที่เข้าใจภาพรวมสถานการณ์ได้มากที่สุด

3.
            ค่ายครั้งสุดท้ายก่อนโครงการปิดตัวลง ผมชวนเด็กวัยรุ่นในหมู่บ้านคนหนึ่งไปร่วมกิจกรรมด้วย เขาชื่อเกม แล้วเกมกับมินรู้จักกันในค่ายเยาวชนชื่อ ค่ายเมล็ดพันธุ์สันติวิถี ครั้งนี้ เกมเป็นคนสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส เกมเป็นนักอ่านตั้งแต่เด็ก ส่วนหนึ่งเนื่องจากเขาอยู่กับยาย เพราะพ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่เด็ก อย่างไรก็ตามเขาต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน ในช่วงมัธยมต้นด้วยความสมัครใจที่จะไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนวัยรุ่นมากกว่าไปโรงเรียน โดยเหตุผลที่เขาอ้างอย่างสวยหรูว่า เขารับไม่ได้กับระบบโรงเรียน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่น้อยสำหรับเด็กวัยรุ่นในช่วงมัธยมต้นที่ไม่อยากเรียนหนังสือ การมาค่ายเป็นข้ออ้างที่มีน้ำหนักต่อผู้ปกครองซึ่งเหตุผลที่น่าจะเป็นความจริงคือ การได้มาร่วมกิจกรรมค่ายก็คือการได้มาเที่ยวไกลๆ และการได้พบเพื่อนต่างถิ่นโดยเฉพาะเพื่อนต่างเพศ และผมชวนเกมมาร่วมค่ายโดยหวังลึกๆเขาอาจกลายเป็นสะพานเชื่อมให้กลุ่มเด็กวัยรุ่นในพื้นที่ที่แยกเป็นเด็กพุทธเด็กมุสลิมจะได้มีโอกาสรู้จักกันมากขึ้น เพราะในโรงเรียนเก่าของเกมนั้นก็มีเหตุการณ์ยกพวกตีกัน หรือดักปิดทางกลับระหว่างบ้านกับโรงเรียนของเด็ก 2 กลุ่มนี้อยู่บ่อยครั้ง ในทุกครั้งที่เกิดเรื่องปัญหาความขัดแย้งก็มักลุกลามไปถึงผู้ใหญ่ เกมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ผมฟัง

            ในความเป็นเพื่อนต่างศาสนา เกมมักตั้งคำถามที่ชวนให้มินอาจรู้สึกอึดอัดใจหรือรำคาญที่จะตอบ เมื่อเกมสนใจปรัชญาศาสนา แล้วตั้งคำถามต่อพระเจ้าที่มินศรัทธา ในระยะแรกๆก็ดูเหมือนจะหมดหวังที่จะทำให้เขาทั้ง2คนกลายเป็นเพื่อนกัน แต่ความเป็นคนพื้นที่เดียวกันเขาทั้งสองจึงมักนั่งอยู่ใกล้ๆกันในยามมีกิจกรรม การอยู่ร่วมในค่ายพวกเราทั้งคณะผู้จัด พี่เลี้ยงค่าย และนักเรียนผู้เข้าร่วมจะตั้งกติการ่วมกัน พวกเราได้ร่วมประชุมหากติการ่วมกันแล้ว โดยให้พวกเราเขียนร่างข้อตกลงลงบนกระดาษแผ่นใหญ่ มีเด็กผู้ชาย2-3คนยอมรับว่าพวกเขาสูบบุหรี่ คณะผู้จัดอนุโลมว่า ถ้าทนไม่ไหวจริงๆก็ให้หามุมที่ไม่รบกวนผู้อื่น เพื่อเป็นการสร้างบรรยากาศที่ดีในค่ายเยาวชนด้วย และมีเสียงสนับสนุนไม่ให้สูบบุหรี่ภายในเรือนนอน  นอกจากเรื่องทะเลาะวิวาทแล้วมี2เรื่องที่พวกเราในฐานะคณะผู้จัดวิตกกันคือเรื่องยาเสพติดและเรื่องชู้สาวที่อาจเกิดขึ้นค่าย นั้นจึงเป็นหน้าที่รับผิดชอบที่เรารับต่อจากผู้ปกครองและโรงเรียนที่ส่งเด็กนักเรียนมาร่วมกิจกรรม

            ด้วยลักษณะของบ้านพักที่ออกแบบเป็นเรือนยกพื้นสูง ใต้ถุนบ้านเป็นลานปูนสำหรับจัดกิจกรรม ด้านบนเป็นห้องนอน โดยแยกนอนชายหญิง และห้องสำหรับวิทยากร มีพื้นที่ส่วนกลางไว้นั่งพูดคุยกัน พื้นที่โดยรอบเป็นพื้นที่สวนที่พึ่งเริ่มลงต้นไม้พวกผลไม้ ไม้ดอกยืนต้นพวกอินทนิล,ดอกคูนบางต้นนั้นโตแล้วจึงออกดอกประดับลานกิจกรรมให้ดูสวยงาม โดยส่วนใหญ่เป็นพื้นเป็นดงกล้วย หน้าบ้านเป็นลานดิน ที่พวกเราช่วยกันทำเป็นสนามแบตบินตันและวอลเล่ย์บอล สระดินที่พอจะเล่นน้ำได้ในหน้าฝน กับฉากหลังอันเป็นเนินเขาของอำเภอทองผาภูมิ สภาพอากาศกลางวันค่อนข้างโปร่งสบายด้วยลมตามฤดู บางวันก็อบอ้าวและมีฝนตกในช่วงเย็น พวกเราอยู่ที่นี้กันหนึ่งเดือนเต็ม กับกิจกรรมด้านสันติวิธี สิทธิเด็ก และวินัยเชิงบวกที่มีกระบวนกรที่มีความรู้ผลัดกันมาดำเนินกิจกรรมตามกำหนดการ ในขณะที่ผมในฐานะผู้จัดการโครงการ และพี่เลี้ยงที่จำเป็นต้องนอนร่วมชายคาอยู่กับเด็กๆวัยรุ่นถึงหนึ่งเดือน นั้นหมายถึงภารรับผิดชอบที่ต้องดูแลลูกหลานของชาวบ้าน ผมอยู่ที่นี่หนึ่งเดือนเต็มโดยไม่มีช่วงเวลาไหนเลยที่จะไม่ได้ยินเสียงหยอกล้อ เสียงหยอกแซวกัน เสียงหัวเราะ หรือตะโกนด่ากันของกลุ่มเด็ก ตั้งแต่หลับจนกระทั่งตื่น ผมจึงเกิดอาการความเครียดสะสมไปพร้อมๆกับซึมซับอาการกริยาแบบเด็กๆ บางครั้งผมหงุดหงิดที่พวกเขาไม่ยอมทำตามกติกา โดยเฉพาะในยามค่ำคืนที่พวกเขาไม่ยอมหลับส่งเสียงหัวเราะเป็นระยะ นั้นจึงเป็นช่วงเวลาที่ผมได้รู้จักเด็กๆมากขึ้น

            “ผมเป็นคนที่อารมณ์ร้อน ไม่ค่อยจะฟังใครสักเท่าไร ถือความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ก่อนมาก็หนักใจว่าจะอยู่ได้หรือเปล่า”มินเล่าเรื่องราวของเขาในวงคุยสายธารชีวิต ผมหวังอยู่ลึกๆการบอกเล่าเรื่องราวของมินนั้นจะช่วยทำให้เพื่อนๆที่เป็นคนพุทธได้รับทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเกมซึ่งเป็นวัยรุ่นพุทธที่มักได้ยินแต่เรื่องราวเพียงด้านเดียวจากชาวพุทธในพื้นที่ เมื่อเขากับเกมรวมถึงเพื่อนๆคนอื่นๆเข้าใจกัน พวกเขาจะเป็นพื้นที่ในตัวคนที่สำคัญ ในการเชื่อมโยงกันระหว่างผู้คนที่แตกต่างกันทางศาสนาในพื้นที่ มินยังเล่าต่อถึงครอบครัวของเขา ครอบครัวอื่นที่ผู้นำครอบครัวเสียชีวิตจากเหตุการณ์โดยไม่สามารถหาทราบตัวผู้ก่อเหตุ ในความกังวลของผมเอง หรือคาดเดาไปว่าความรู้สึกที่อาจอ่อนไหวในประเด็นเรื่องเล่าจากความเจ็บปวดจากเหตุการณ์ที่ต้องสูญเสียพ่อไป ครอบครัวที่เคยอยู่กันพร้อมหน้าเมื่อขาดผู้นำจึงต้องย้ายไปอยู่กับตาและยาย ผมจึงไม่กล้าที่จะถามเขาในรายละเอียดเรื่องนี้มากนัก

            “ถ้าผมแค้น ผมไปตามฆ่าคนทำพ่อผม มันก็เป็นบาป วันหนึ่งอัลเลาะห์จะลงโทษเขาเอง”นั้นคือคำพูดของมินในวงคุยระหว่างจัดกิจกรรมสายธารชีวิต
            ระหว่างที่มินเล่าเรื่องผมหันไปเห็นเกม สังเกตได้ว่าเขามีน้ำตาไหลออกมา ผมรู้สึกซาบซึ้งตามไปด้วย จนเกือบกลั่นน้ำตาไว้ไม่อยู่เช่นกัน แต่สักพักก็มีเสียงหัวเราะคิกคักกันในกลุ่มที่เกมนั่ง น้องคนหนึ่งบอกว่าเกมแกล้งเอายาหม่องไปป้ายตาเขา ผมหงุดหงิดขึ้นมาทันที เพราะพื้นที่วงคุยสายธารชีวิตเป็นพื้นที่ที่เราตกลงกันว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยในการเล่าเรื่อง ต้องให้เกียรติผู้เล่า ผู้ฟังควรใส่ใจฟังในขณะที่เพื่อนเล่าเรื่อง หลังการสรุปบทเรียนผมจึงได้พูดเรื่องนี้ออกไป นั้นเป็นช่วงที่บรรยากาศในค่ายดูจะตึงเครียด กับความคิดเห็นที่สะท้อนว่าผมเครียดจนเกินไป และมินกับเกมดูห่างๆกันไปในช่วงนี้ จนกระทั่งช่วงๆปลายของกิจกรรมค่าย

            คืนหนึ่งก็เกิดเรื่อที่ดูจะไม่ร้ายแรงนัก แต่มันมีความสำคัญมากสำหรับการอยู่ร่วมกันด้วยข้อตกลง ผมจำเป็นต้องเรียกกลุ่มพวกเขาสามสี่คนมาคุย ซึ่งมีเกมและมินอยู่ในนั้น เรียกมามานั่งทำความเข้าใจกันในตอนดึกของคืนนั้น เมื่อพบพวกเขาแอบดูดใบจากยาเส้นในเรือนนอนตามกติกาที่เราตกลงกันถ้าพวกเขาไม่ทำตามข้อตกลง คณะผู้จัดก็จำเป็นต้องส่งพวกเขากลับบ้าน เราขอให้พวกเขาแสดงสิ่งยืนยันหรือมั่นใจว่าจะไม่เกิดเรื่องนี้อีกหากพวกเขาจะอยู่ต่อ แล้วขอให้พวกเขาตรวจค้นในกระเป๋าด้วยตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าในค่ายจะไม่มีสิ่งเสพติดที่ร้ายแรงไปกว่าบุหรี่หรือยาเส้น

             

4.        

            หลังๆมานี้ ผมมานั่งวงตวากอีกครั้งโดยไม่คุยปัญหาเชิงโครงสร้างสังคมอะไรมากนัก นั่งฟังญาติพี่น้องและชาวบ้านคุยกันเรื่องสัพเพเหระ บางอย่างในความรู้สึกของผมบอกว่ามันจะพาลปวดหัวเอาเปล่าๆ ผมจะพูดออกไปเมื่อมีใครสักคนถาม แล้วคุยกับเขาเพียงเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นๆควรเป็นเรื่องสรวลเสเฮฮา หรือเรื่องทำมาหากิน เช่นเรื่องของมะซากีที่เหมาเลื่อยไม้ยางของป้าแดง ครูวิทยาที่สร้างทีมพานักเรียนมุสลิมไปแข่งวอลเลย์บอลชนะในระดับเขต หรือเรื่องราวอื่นๆดูน่าฟังมากพูดกว่า
            หลังจากกลับจากกาญจนบุรี ในช่วงปีสองปีหลังจากกิจกรรมค่าย พวกเราได้จัดกิจกรรมเรียนรู้ระหว่างวัฒนธรรมพุทธและมุสลิมอีกหลายครั้ง โดยทั้งเกม มิน และเพื่อนๆเขาเป็นแกนนำหลักในพื้นที่หลังจากกลับจากค่ายเยาวชน มินกลับมาเป็นผู้นำในโรงเรียนโดยเขาได้รับเลือกตั้งให้เป็นประธานนักเรียน อาจารย์ที่ปรึกษาของเขาเล่าให้ฟังว่า หลายอย่างในตัวเขาเปลี่ยนไป ก่อนหน้าที่เขาจะไปร่วมค่ายนั้น ทางโรงเรียนกังวลกับกลุ่มเพื่อนจากข้างนอก พวกเขามาดึงตัวมินไปเที่ยว ซึ่งทางโรงเรียนมองในมุมของฝ่ายราชการ หรือฝ่ายความมั่นคงที่มักวิเคราะห์กันถึงวิธีดึงเยาวชนเข้าร่วมผู้ก่อเหตุ หรือคำที่กลุ่มแนวร่วมที่เคลื่อนไหวเพื่อแบ่งแยกดินแดนเรียกว่า “นักรบปาตานี” กลุ่มเป้าหมายส่วนหนึ่งเป็นเด็กผู้ชายที่ครอบครัวได้รับผลกระทบจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ หรือกรณีอื่นที่ไม่ทราบตัวผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นเด็กที่กำพร้าพ่อแม่จากสถานการณ์อีกเป็นจำนวนมากในพื้นที่ นั้นเป็นโจทย์ที่ผมไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ตั้งมันขึ้นมา แต่นั้นไม่ใช่โจทย์ในชีวิตของผมเพียงคนเดียว มันเป็นโจทย์ของผู้คนอีกมากมายหลายระดับ         ทั้งนี้ผมพอจะเข้าใจโจทย์ของผมขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะผมยังเดินทางไปดูสวนยางซึ่งเป็นมรดกได้อย่างระมัดระวัง

            ปัจจุบันมินเป็นรองนายกสโมสรนักศึกษา เขาเป็นสมาชิกชมรมทนายความมุสลิม
สิ่งหนึ่งที่แปลงเปลี่ยนความคิดได้ ที่เกิดกับผมเองคือการรับทราบเรื่องราว ช่วงก่อนไปเรียนมหาวิทยาลัยระหว่างจัดกิจกรรมในพื้นที่มินพาเพื่อนสองคนมานอนที่บ้านเกม ซึ่งเป็นภาพที่ผมเคยหวังไว้ลึกๆว่าอยากให้เกิดขึ้น พวกเขายังเป็นพุทธ พวกเขายังเป็นมุสลิม แต่พวกเขาเป็นเพื่อนกัน มันทำให้ผมนึกถึงช่วงถอดบทเรียน พวกเรามักพูดถึงหลายสิ่งหลายอย่างอันเป็นอุดมคติ เรามองเห็นภาพของสันติภาพได้อย่างไร เราจะจับต้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ได้ที่ไหน อะไรคือความรักและมิตรภาพ หรือสิ่งนามธรรมอีกมากมายที่สมองของผมบันทึกมันเอาไว้ ค่อยๆแตกตัวออกมาแม้จะจับต้องมันไม่ได้ แล้วมันก็ไม่ใช่โจทย์ที่ผมต้องแบกรับอีกต่อไป.