Skip to main content

I’ll have the Biryani chicken rice, please. 

สาวน้อยในร้านอาหารอาลีบาบาพยักหน้า ก่อนเดินจากไป พวกเราสามคนก็ก้มหน้าก้มตาจิ้มโทรศัพท์กันต่อ สร้างบทสนทนากับโลกกว้างแต่ทิ้งช่องว่างไว้กับคนใกล้ตัว

………..

อ้าวตูเผลอหลับไปหรือนี่ ไอ๊ยะ

ก้มหน้าตรวจสอบโพสต์ตัวเองในเฟสบุค “มัสยิดสีชมพู” มีคนกดไลค์ไปแล้วหลายไลค์ ภาพที่ปรากฏในจอมือถือเป็นมัสยิดสีชมพูอ่อนแก่ตัดสลับกัน แต่ส่วนใหญ่ชมพูเข้มข้น มีเพียงขอบหน้าต่างและประตูที่เป็นสีทอง ประตูข้างนอกรวมทั้งรั้ว ซี่กรงล้วนเป็นสีชมพู

เหลียวมองไปด้านหลังฝั่งตรงข้ามของถนน สำนักงานที่ทำการของนายกเทศมนตรีก็เป็นอาคารสีชมพู ในรอบรั้วสีชมพู

รถที่วิ่งออกมาจากประตูก็เป็นสีชมพู ที่นั่งอยู่ข้างในรถเป็นเจ้าหน้าที่สี่นายทุกรายใส่เสื้อโปโลสีชมพูอ่อน ขนาบข้างด้วยชายฉกรรจ์ในชุดทหารสองนาย

มัสยิด Dimaukom สีชมพูจัดจ้านเป็นผลงานของนายกเทศมนตรีเมืองนี้ เพื่อนเราเล่าว่า เขาเป็นนายกเทศมนตรีที่นิยมสีชมพูเป็นพิเศษ มัสยิดที่เขาสร้าง สำนักงานที่เขาใช้ ตลอดจนบ้านที่เขาอยู่ ล้วนเป็นสีชมพู สิ่งรอบตัวเป็นสีชมพู ตัวเขาเองก็มักใส่สีชมพูเนืองนิจ

“มีวันหนึ่งพวกเราก็เจอเขาในงาน วันนั้นเราแปลกใจมากที่เขาไม่ได้ใส่สีชมพู” เพื่อนว่า “แต่พอนั่งลงคุยกันปั๊ป เขาดึงมือถือออกมาวาง ถ้าทำได้เราคงหัวเราะจนตกเก้าอี้ เพราะว่ามันเป็นสีชมพู”

แม้แต่ป้ายนอกรั้วที่มีรูปของเขากับทีมงานก็เป็นสีชมพู

“ผมเข้าใจว่า ในโลกมีแค่สองแห่ง คือที่นี่ กับที่ตุรกี ถ้าจำไม่ผิด” เพื่อนว่า

ในพื้นที่ความขัดแย้ง บนถนนเส้นเดียวกันกับที่เราเพิ่งจะได้พบผู้คนจำนวนมากที่ต้องออกจากบ้านเรือนที่อยู่อาศัยเพื่อหลบหนีการสู้รบ ท่ามกลางชีวิตที่ไม่ปกติ มัสยิดสีชมพูจัดข้างหน้า ยิ่งเพิ่มมิติความแปลกให้กับชีวิตในมากินดาเนามากยิ่งขึ้นไปอีก

….

นัยตาเริ่มฟ้าฟาง ไม่ใช่เพราะว่าสีชมพู แต่เพราะแดดที่แผดเปรี้ยง ความร้อนแห้งอันเข้มข้น ที่เผาจนหน้าร้อนผ่าวและแสบคัน ความร้อนชนิดที่ปัตตานีหรือกรุงเทพฯก็ไม่สามารถจะหาให้ได้ ความร้อนที่ซัดสาดใส่เราอย่างไม่ปราณีปราศรัยนับตั้งแต่ก้าวแรกที่ลงจากเครื่องบินเหยียบแผ่นดินบังสาโมโรที่โคตาบาโตซิตี้ มันทำให้ผู้มาเยือนที่เดินทางมายาวนานแล้วพาลเหนื่อยเปลี้ย ปากคอแห้งผาก ในขณะที่เก็บเกี่ยวภาพและบทสัมภาษณ์ พยายามทำความเข้าใจดินแดนใหม่ ผู้คนใหม่แต่กับเรื่องราวของการต่อสู้และความขัดแย้งอันเนิ่นนานกว่าสี่ร้อยปี การเดินทางอันซับซ้อนของกระบวนการสันติภาพมินดาเนา ทว่าท่ามกลางความเจ็บปวด บนซากศพผู้คนเรือนแสน เส้นทางของพวกเขาทำท่าจะจบลงที่ปลายสุด เข้าใกล้เส้นชัยอยู่รอมร่อเมื่อมีการลงนามสันติภาพระหว่างรัฐบาลฟิลิปปินส์กับกลุ่ม MILF ไปเมื่อปลายปี เรียกเสียงยินดีปรีดาจากผู้คนที่เกี่ยวข้องถ้วนหน้า

ทว่าความฝันมีเค้าจะสลาย ผู้คนจำนวนมากอาจจะอกหักรวมหมู่ เหตุการณ์ปะทะกันหนนั้นหนเดียว คือที่ “มามาซาปาโน่” ที่ห่างไปประมาณสองชม.กว่าจากโคตาบาโตซิตี้ เป็นการปะทะกันที่ทำให้กองกำลังฝ่ายรัฐตายไป 44 และ MILF ตายไป 17 คน มันเป็นเหตุการณ์ที่ประธานคณะกรรมการจัดเตรียมการเปลี่ยนผ่านการปกครองของบังสาโมโร Bangsamoro Transition Comittee หรือ BTC นาย Mohagher Iqbal บอกเราว่า เหตุการณ์นี้กำลังจะเป็น game changer คือมันอาจทำให้เกมพลิกได้

เพราะมันกำลังจะส่งผลให้ร่างกฎหมายที่จะวางพื้นฐานให้กับการถ่ายโอนอำนาจจากรัฐบาลฟิลิปปินส์สู่รัฐบาลใหม่ของมินดาเนาไม่ผ่านรัฐสภา หรือแม้ว่าจะผ่าน แต่อาจจะออกมาในรูปโฉมที่คู่ขัดแย้งรับไม่ได้

ผู้คนที่เราพบในโคตาบาโตซิตี้วันนี้ จึงมีแต่คำว่า Bangsamoro Basic Law หรือ BBL อยู่ในใจพวกเขา ทุกคนภาวนาให้ร่างกฎหมายนี้ผ่านการรับรองของรัฐสภาเพราะเหนื่อยหน่ายเต็มทนกับความขัดแย้ง

BBL เป็นผลมาจากการทำงานอย่างหนักของ BTC หนักชนิดที่พวกเขาบอกว่า ทำงานกันวันละสิบแปดชม.เป็นเดือน เพื่อแจกแจงทุกถ้อยคำและข้อความอย่างรอบคอบรัดกุม มันเป็นการวางหลักเกณฑ์ในการตั้งเขตปกครองพิเศษใหม่ของมินดาเนาตามข้อตกลงระหว่างรัฐบาลและกลุ่ม MILF หรือ Moro Islamic Libreation Front ตามสาระสำคัญของข้อตกลงสันติภาพสองฝ่าย

คือการให้อำนาจในการปกครองตนเองแก่มินดาเนา

แต่ผลของการปะทะเมื่อเดือนมค.ทำให้นักการเมืองในมะนิลาหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาโจมตีอย่างหนัก ประธานาธิบดีเจอพิษการเมืองเล่นงานว่ายอมให้ MILF มากเกินไป ร่างกฎหมาย BBL ถูกโจมตี อนาคตของกระบวนการสันติภาพมินดาเนา หลังการเจรจาต่อรองสิบเจ็ดปี ขณะนี้ค้างเติ่งอยู่ในมือนักการเมืองในมะนิลา

ชาวบังสาโมโรบอกเราว่า มันไม่ยุติธรรมเลย หลังจากที่พวกเขาทำงานกันอย่างหนักเพื่อระงับความรุนแรง แต่สิ่งที่กำลังจะมาดับความหวังพวกเขา ก็คือความรุนแรงที่พวกเขาต้องการจะให้ยุติอันนั้น

ผู้คนในโคตาบาโตซิตี้ในวันนี้ จึงวุ่นวายอยู่กับการวิ่งเต้นพูดคุยเพื่อผลักดันร่างกฎหมาย BBL พวกเขาเดินทางกันตลอดเวลา จัดพบปะและประชุมเพื่อผลักดันหลายฝ่าย ขณะที่ชาวบังสาโมโรออกแรงกันสุดตัวเพื่อวิ่งไล่ความฝันของพวกเขา เวลาสัปดาห์เดียวในโคตาบาโตซิตี้ของพวกเราดูจะไม่ต่างไปจากการส่ายกล้องถ่ายภาพชีวิตผู้คนขณะอยู่ในรถที่กำลังวิ่งอยู่บนถนน มันช่างน้อยนิดเหลือใจ

แต่ก็อาจเป็นเพราะว่าเวลาอันน้อยนิดอันนั้นกำลังเกิดขึ้นในห้วงของความพยายามอย่างหนัก มันจึงทำให้เราได้เห็นภาพและเริ่มเข้าใจว่าชาวบังสาโมโรตระหนักดีว่า ถ้าผู้นำฟิลิปปินส์คนนี้ผลักร่างกฎหมาย BBL ผ่านไม่ได้ วงจรความรุนแรงจะหวนกลับอย่างแน่นอน กลุ่ม MILF ประกาศแล้วว่า พวกเขาเตรียมนักรบไว้แล้วอีกห้ารุ่น สามารถสู้รบต่อไปได้อีกนานเท่าที่ต้องการ

สถานการณ์เหมือนจะดีแต่กลับไม่ได้ดี บรรยากาศที่ผ่อนคลายเพราะการได้ทำข้อตกลงสันติภาพเมื่อปลายปีกลับเครียดขึ้นมาใหม่ ขณะที่มะนิลาเต็มไปด้วยเกมการเมืองและการลอบบี้ ไม่ไกลจากโคตาบาโตซิตี้ ยังมีกลุ่มนักรบปะทะกับทหารรัฐบาลที่ไล่ติดตามคนที่พวกเขาต้องการตัว จนผู้คนหนีกระเจิงและพลัดที่อยู่กันมากมาย ในทางการทหาร นักรบก็คงเตรียมพร้อม ขณะที่อีกด้านนักเจรจาทำงานกันอย่างหนักในเฮือกสุดท้ายของงานการเมืองเพื่อไม่ให้กระบวนการสันติภาพล่ม

มันเป็นอาการของคนที่เหมือนจะเข้าเส้นชัยแต่ยังไปไม่ถึง

“ We are so near and yet so far.” อิคบาลว่า