Skip to main content
ไชยยงค์ มณีพิลึก
 

ลูกระเบิดเอ็ม 79 จำนวน 2 ลูก ที่ “อาร์เคเค” ยิงใส่บ้านพักของ นัจมุดดีน อูมา อดีต สส.พรรคเพื่อไทย ที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส มีข้อมูลยืนยันจากหน่วยข่าวในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ชัดเจนว่ามาจากความไม่สงบที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการยิงระเบิดเอ็ม 79 ถล่มบ้านพักของนัจมูดีนครั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณเตือนจากขบวนการแบ่งแยกดินแดนเท่านั้น
สาเหตุที่บ้านพักของนัจมุดดีนตกเป็นเป้าหมายของการก่อการร้ายในครั้งนี้ มาจากนโยบายการเปิดพื้นที่พูดคุยระหว่าง ศอ.บต. และหน่วยงานความมั่นคงของรัฐกับกลุ่มแกนนำขบวนการบีอาร์เอ็นฯ –พูโล และ อื่นๆ ซึ่งยังคง “ชูธง” แบ่งแยกดินแดน เพื่อสร้างความไม่สงบให้เกิดขึ้นโดย ศอ.บต. และหน่วยงานความมั่นคงได้รับ “ไฟเขียว” จากผู้มีอำนาจตัวจริงของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ซึ่งต้องการใช้ “ถุงมือกำมะหยี่” แทน”กำปั้นเหล็ก” ในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้
โดยนัจมุดดินเป็นหนึ่งในผู้ที่มีบทบาทในการช่วยเหลือเพื่อเปิดพื้นที่พูดคุยหรือ “เจรจา” ให้กับหน่วยงานที่ได้รับมอบหมาย มาจากผู้มีอำนาจเหนือรัฐบาลกับแกนนำขบวนการบีอาร์เอ็นฯ –พูโล และอื่นๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีแกนนำระดับสูงของบีอาร์เอ็นฯ อยู่ 9 คน ซึ่งนอกจากนัจมุดดีนแล้ว ยังมี อดีต สส. นักการเมืองท้องถิ่น ผู้นำฝ่ายต่างๆ อีกจำนวนหนึ่ง รวมทั้ง อดีตแกนนำบีอาร์เอ็นฯ อย่าง “อาบูชารีฟ” (ชื่อจัดตั้ง) ต่างเข้ามามีบทบาทอย่างสูง ในการเปิดพื้นที่พูดคุยเพื่อสันติภาพในครั้งนี้
และไม่เพียงแต่หน่วยงานในพื้นที่เท่านั้นที่มีการติดต่อประสานพูดคุยกับแกนนำเพื่อหาแนวนทางในการ “ยุติ” ความรุนแรงที่เกิดขึ้น เพราะแม้แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทยก็ได้เปิดห้องพูดคุยกับแกนนำขบวนการพูโล โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม 2555 ที่ผ่านมา มีรายงานจาก เว็บขบวนการพูโลว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้พบปะกับนายฮาซัน ตอยิบ หัวหน้าขบวนการพูโล ที่โรงแห่งหรูแห่งหนึ่งของประเทศเพื่อนบ้าน โดยการประสานงานของผู้นำในประเทศนั้น โดยมีภาพถ่ายที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โอบไหล่ นายฮาซัน ตอยิบ เผยแพร่ในเว็บของพูโล เพื่อเป็นการยืนยัน
ความเคลื่อนไหวของการเปิดพื้นที่พูดคุยระหว่างตัวแทนของรัฐไทยและแกนนำของขบวนการแบ่งแยกดินแดนเป็นความเคลื่อนไหวลับๆ ที่ไม่ต้องการเปิดเผยสู่สาธารณะชน เนื่องจากมีการต่อต้านจากแกนนำบางส่วนของขบวนการบีอาร์เอ็นฯ ที่มีความเห็นว่า ยังไม่ต้องการเปิดพื้นที่พูดคุย หรือ “เจรจา” ในขณะ โดยแกนนำบีอาร์เอ็นฯ “สายเหยี่ยว” ประเมินว่า ขณะนี้พวกเขายังไม่สามารถควบคุมมวลชนได้อย่างแท้จริง การพูดคุยในขณะนี้จึงยังไม่มีความได้เปรียบ การพูดคุยจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อพวกเขาสามารถช่วงชิงมวลชนมาเป็นของเขาอย่างแท้จริง  และการพูดคุยที่แกนนำบีอาร์เอ็นฯ “สายเหยี่ยว” ต้องการ ไม่ใช่การพูดคุยแบบลับๆ แต่ต้องเป็นการเจรจา เป็นรูปแบบ โดยมีประเทศที่เป็นกลาง หรือ “ยูเอ็น” เป็นตัวแทน ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลและกองทัพปฏิเสธมาโดยตลอด
แต่..การเจรจาแบบลับๆ ที่เกิดขึ้น ระหว่าง ศอ.บต. และ หน่วยงานความมั่นคงก็ถูกเปิดโปงโดยการออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ของ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ที่เปิดเผยว่ารัฐบาลได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. เป็นผู้เจรจากับแกนนำผู้ก่อความไม่สงบ เพื่อแก้ปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้น
ดังนั้นวิธีการของ “แกนนำ” บีอาร์เอ็นฯ ที่ไม่ต้องการเห็นการพูดคุยมีความก้าวหน้าคือ การสั่งการให้ “แนวร่วม”ปฏิบัติการก่อการร้ายด้วยความรุนแรง ซึ่งจะเห็นว่าตลอดระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา สถานการณ์ร้ายเพิ่มมากขึ้นเพื่อเป็นการบอกให้ทราบว่า ไม่ต้องการเจรจา และสุดท้าย “บุคคล” ที่เป็นผู้ช่วยเหลือหรือผู้ประสานอย่างนัจมุดดีน ก็ถูก “สั่งสอน” ด้วยระเบิดเอ็ม 79
ก่อนหน้านี้ นายมุขตาร์ กีละ หัวหน้าพรรคประชาธรรม ซึ่งเป็นพรรคการเมืองท้องถิ่น ใน จ.นราธิวาส และมีบ้านพักอยู่ใน อ.ระแงะ ก็ถูก “แนวร่วม” บุกยิงภายในบ้านพักจนเสียชีวิตมาแล้วเมื่อต้นปี 2555  ซึ่งเป็นโชคดีที่ “แนวร่วม” ถูก ชรบ.ในพื้นที่ ยิงเสียชีวิตในทันทีที่ก่อเหตุ  ทำให้ประชาชนไม่เกิดความเข้าใจผิดว่าเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นผู้กระทำ และสาเหตุที่มีการสังฆ่านายมุขตาร์ ก็มาจากสาเหตุที่ นายมุขตาร์ ซึ่งในอดีตเคยเป็นกลุ่มต่อต้านอำนาจรัฐ ได้หันมาให้การสนับสนุนการเปิดพื้นที่พูดคุยระหว่างหน่วยงานของรัฐกับกลุ่มแนวร่วม มีการนำผู้หลงผิดมารายงานตัวกับ กอ.รมน. เพื่อแก้ปัญหาความรุนแรง  แต่สุดท้าย นายมุขตาร์ ก็ถูกสั่งตายจากแกนนำบีอาร์เอ็นฯ
แน่นอนว่าการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้มีอยู่เพียง 2 วิธีการ หนึ่งคือการใช้อาวุธและกำลังทหารเข้าควบคุมพื้นที่ตรวจค้น จับกุม ขับไล่ แกนนำ และแนวร่วมออกจากพื้นที่ เพื่อแย่งชิงมวลชนมาเป็นของรัฐ  และสองคือการเปิดพื้นที่พูดคุย เพื่อสร้างความเข้าใจ และสร้างนโยบายให้ผู้ที่มีความเห็นต่าง ทางการเมือง การปกครอง มีช่องทาง มีเวที ในการต่อสู้ทางความคิด จากการต่อสู้ด้วยการจับอาวุธ เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ มาเป็นการต่อสู้บนเวทีการเมือง เวทีความคิด  ซึ่งวิธีการที่หนึ่งนั้น 8 ปีที่ผ่านมา สรุปได้ว่า “ล้มเหลว” ดังนั้น เกือบทุกภาคส่วนของประเทศจึงส่งเสียงสนับสนุนให้ใช้วิธีการที่สอง คือการเปิดพื้นที่พูดคุยเพื่อสันติภาพ เพราะเชื่อว่าเป็น วิธีการที่ดีที่สุด และประเทศต่างๆ ที่มีปัญหาการแบ่งแยกดินแดนต่างใช้วิธีการพูดคุยหรือเจรจายุติสงครามทั้งสิ้น
ดังนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าจะเป็นการเสียชีวิตของนายมุขตาร์ และการยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าใส่บ้านของ นัจมุดดีน อูมา เป็นเพียงการเริ่มต้นการทำสงครามระหว่างการพูดคุยเท่านั้น ซึ่งในทุกๆ ประเทศที่มีเหตุขัดแย้งจากการแบ่งแยกดินแดน และเปิดพื้นที่พูดคุยในระหว่างการพูดคุยนั้น ต่างเกิดเหตุรุนแรงจากกลุ่มผู้ขัดขวาง  และกลุ่มผู้ไม่ต้องการเห็นความไม่สงบเกิดขึ้น ถ้ารัฐไทยต้องการความสำเร็จในการเปิดพื้นที่พูดคุยเพื่อสร้างสันติภาพ จะต้องไม่อ่อนไหวและยุติการพูดคุย แต่ต้องเดินหน้าในการเปิดพื้นที่พูดคุยต่อไป โดยการมีแผนรับมือกับการก่อเหตุรุนแรงเพื่อขัดขวางการพูดคุย เพราะการที่มีการต่อต้านการเปิดพื้นที่พูดคุยมากเท่าไหร่ แสดงให้เห็นว่าแกนนำเหล่านี้กลัวการพูดคุยที่เกิดขึ้น เพราะพวกเขาต่างรู้ว่าสงครามการแบ่งแยกดินแดนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จะจบลงด้วยการเปิดพื้นที่ทำความเข้าใจด้วยการพูดคุยเท่านั้น
แต่สิ่งที่หน่วยงานในพื้นที่ต้องแยกแยะให้ได้คือผู้ที่ออกมาร่วมสร้างสถานการณ์เพื่อยกเลิกการพูดคุย อาจจะเป็นฝีมือของ “มือที่ 3” ที่ไม่ต้องการเห็นความสงบสุขเกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะถ้าเหตุการณ์ปกติสุขเกิดขึ้นเมื่อไหร่ “มือที่ 3” เหล่านี้ คือผู้สูญเสียประโยชน์จากการ “ค้าสงคราม” และการ “ค้ากำไร” นั่นเอง