Skip to main content

รอฮานี จือนารา

ผู้ปฏิบัติงานศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ ม.อ.ปัตตานี

 

อ่าน  - องค์กรภาคประชาสังคมในรัฐมอนแทน่า ประเทศอเมริกา (ตอนที่ 1) : การบริจาคคือการลงทุนที่สำคัญยิ่ง 

         - องค์กรภาคประชาสังคมในรัฐมอนแทน่า ประเทศอเมริกา (ตอนที่ 2 ) : เปิดพื้นที่สร้างสรรค์ และสร้างอาสาสมัคร

 

หลังจากที่เราได้ร่ำเรียนในห้องเรียนประมาณหนึ่งสัปดาห์แล้ว ทุกคนก็ต้องแยกย้ายไปเรียนรู้กับองค์กรที่ตนสนใจ ซึ่งมีหลากหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นประเด็นผู้หญิง สิ่งแวดล้อม สื่อ หรือแม้แต่เกี่ยวกับองค์กรที่ช่วยเหลือด้านกฎหมาย และระหว่างนี้เองทุกคนก็จะต้องไปอยู่ด้วยกันกับครอบครัวที่เขาจัดให้ (Host Family) ซึ่งเป็นโปรแกรมเพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้ไปเรียนรู้วัฒนธรรมของชาวอเมริกานั่นเองโดยใช้ระยะเวลาทั้งหมด 3 สัปดาห์

สำหรับฉันได้มีโอกาสอาศัยอยู่กับครอบครัว Eagan สองสามีภรรยาที่น่ารักมากคือ Terry Eagan และ Ken Eagan ทั้งสองเป็นนักวิชาการที่ทำงานอยู่ในมหาวิทยาลัยมอนแทน่า ทั้งสองแต่งงานตั้งแต่อายุ 19 -20 และระหว่างนั้นทั้งสองก็ได้ร่ำเรียนจนจบมหาวิทยาลัย ส่วนฝ่ายชายก็เรียนต่อจนจบระดับมหาบัณฑิตหรือดอกเตอร์ ซึ่งขณะนี้เขาเป็นผู้อำนวยการขององค์กร Humanities Montana ส่วนภรรยาเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการของศูนย์การศึกษาของผู้สูงอายุ ของมหาวิทยาลัยมอนแทนน่าเช่นกัน ทั้งสองมีลูกชายสองคน ต่างก็เรียนจบและทำงานแล้ว

ทั้งสองเป็นคนที่น่ารักมาก ๆ สิ่งที่ฉันชอบคือ พวกเขาใส่ใจตัวฉันและดูแลฉันเป็นอย่างดี เขาจะสนใจเรื่องความเป็นอยู่ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน หรือวัฒนธรรมต่างๆ เขาก็จะให้ความเคารพ อย่างเช่น เมื่อเข้าบ้านวันแรก เขาก็บอกว่า ขอโทษ เขาลืมเอารูปต่างๆ ลงจากฝาผนัง เพราะเขาเข้าใจว่า มุสลิมไม่อนุญาตติดรูปภาพตามฝาผนัง ซึ่งฉันก็ได้อธิบายให้เธอเข้าใจ ส่วนอาหารการกิน เขาก็จะพยายามหาอาหารที่ฮาล้าลให้กิน โดยเฉพาะเนื้อไก่ และเนื้อวัว ( แต่เพิ่งรู้ว่าบางคนที่ไปเรียนอเมริกา เนื้อทั้งหมดก็ถือว่าฮาล้าลหมด เพราะถือว่าชาวคริสเตียนเป็นอะห์ลิลกีตาบเหมือนกัน)

การทำหน้าที่สามีภรรยาของทั้งสอง ค่อนข้างน่ารัก ในฐานะที่ทั้งสองทำงานนอกบ้าน งานในบ้านทั้งสองก็จะช่วยเหลือกัน หากภรรยาทำกับข้าว ฝ่ายชายก็จะทำหน้าที่ เตรียมอุปกรณ์ จาน ชาม และเครื่องดื่ม วางบนโต๊ะอาหาร และเมื่อเกินเสร็จแล้วสามีก็จะเป็นคนล้างทำความสะอาด ไม่ว่าจะเป็น จาน ชาม หม้อ  หรือตะหลิว ให้

สิ่งที่ฉันชอบและอยากนำมาปฏิบัติเป็นตัวอย่างคือ สามีภรรยามักจะกล่าวขอบคุณกันและกันทุกครั้ง เช่น หากสามีขับรถส่งภรรยาที่มหาวิทยาลัย ภรรยาก็จะกล่าวขอบคุณ หรือถ้าสามีตักข้าวให้ภรรยา ตรงกันข้ามถ้าภรรยาทำกับข้าวเสร็จแล้ว สามีก็จะกล่าวขอบคุณอย่างชื่นชม (มันช่างซาบซึ้งเสียจริงๆ) สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่คู่สามีภรรยาควรปฏิบัติเพราะเป็นการให้เกียรติและเคารพกันและกัน อยากให้ตัวเองติดปากอย่างนั้นเหมือนกัน ซึ่งเป็นวัฒนธรรมอันดีที่สังคมบ้านเราควรจะปฏิบัติเป็นแบบอย่าง แต่ทั้งนี้เมื่อมันไม่เป็นวัฒนธรรมหรือเป็นสิ่งใหม่เราก็จะเขินอาย ทั้งที่สิ่งเหล่านี้จะเป็นการเสริมพลังให้คู่รักใช้ชีวิตด้วยความรักอย่างแท้จริง

อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นสิ่งประทับใจคือ ช่วงรับประทานอาหารเย็น ทั้งสองจะใช้เวลาในการถามไถ่ถึงการทำงาน ทั้งสองต่างก็จะเล่าเรื่องของตัวเอง หรือบางทีก็เล่าเรื่องครอบครัวของตัวเอง ในระหว่างที่ฉันอยู่ทั้งสองก็จะถามเรื่องราวชีวิตของฉัน ช่วงนั้นก็ถือเป็นเวลาที่อบอุ่นและได้แลกเปลี่ยนอย่างเต็มที่  ครั้งหนึ่งฉันกำลังกินข้าวเย็นอยู่ และฉันมักจะกินช้ากว่าใคร เพราะฉันจะกินเยอะกว่าคนอื่น ๆ ฉันก็บอกว่า ให้ทั้งสองไปก่อนก็ได้ เขาก็บอกว่า ไม่เป็นไร เพราะช่วงเย็นเป็นช่วงเวลาของครอบครัว ดังนั้นทุกคนจะต้องให้ความเคารพ โดยสังเกตเห็นว่า พวกเขาจะไม่ยุ่งกับเครื่องมือการสื่อสารไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ หรือโทรทัศน์ หากใครให้ความสนใจกับสิ่งอื่นก็จะถือว่าไม่มีมารยาท อย่างเช่น ระหว่างที่ภรรยาทำกับข้าวหากสามีนั่งดูโทรทัศน์ ซึ่ง Ken ผู้เป็นสามีชอบดูกีฬามาก ๆ แต่เมื่อถึงเวลากินข้าวเขาก็ให้เกียตริและปิดโทรทัศน์ทันที ทั้งที่บางทีเขาก็อยากดูต่อ

นอกจากช่วงอาหารเย็นเป็นช่วงของการแลกเปลี่ยนแล้ว ช่วงเย็นหลังเลิกงานทั้งสองมักไปเดินเล่นตามสวนสาธารณะ ดังนั้นช่วงเย็นๆ ฉันก็ได้มีโอกาสใช้เวลาว่างไปเดินเล่นกับพวกเขา แต่ละที่ก็จะสวยงาม สวนสาธารณะหนึ่งอยู่ใจกลางเมือง มีน้ำตกด้วย อีกที่หนึ่งเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์คือ Fort Missoula อดีตเคยเป็นสถานที่กักขังของนักโทษชาวญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง และชาวอิตาลี และสถานที่ดังกล่าวก็เคยเป็นฐานทัพของทหารที่ต่อสู้กับชนเผ่าที่นั่นด้วย

 

อย่างไรก็ตาม ความมีน้ำใจและการดูแลเอาใจใส่ของทั้งสองทำให้ฉันรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก ก่อนจากกัน Terry ก็พูดว่า “เธอจะอยู่ในอ้อมกอดฉันตลอดไป” น้ำตาเธอก็ไหล่ ทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะขอหอมและกอดเขาครั้งสุดท้าย ... ศาสนา วัฒนธรรม ไม่ได้เป็นสิ่งขัดขวางหรืออุปสรรคให้เราสร้างมิตรภาพและรักกัน หากเราเปิดใจเรียนรู้และยอมรับกันและกัน