Skip to main content

 

‘เรื่องเล่าชาวปาตานี’ จะทำหน้าที่ของมัน

 

ฐิตินบ  โกมลนิมิ

 

 

มาถึงบทสุดท้ายที่จะต้องบันทึกเรื่องราวและความรู้ของกระบวนการทำหนังสือ “หลังรอยยิ้ม” ของเครือข่ายผู้หญิงภาคประชาสังคม ไม่ใช่แค่เดินกลับไปในช่วงเวลาแห่งอดีต แต่ยังเป็นการกลับไปรื้อคุ้ยความรู้สึกที่ผ่านมาในช่วงการทำงานที่ท้าทาย ทั้งต้นฉบับลายมือเขียนและบันทึกช่วยจำต่าง ๆ ได้ทำหน้าที่เป็นพื้นที่ความทรงจำร่วมกันอีกครั้ง มันไม่ใช่แค่การถอดบทเรียนของเราคนเดียว แต่เป็นการถอดบทเรียนร่วมกันของทุกคนที่เริ่มต้นทำงานด้วยกัน

 

"หากเราสามารถเล่าเรื่องของเราให้เพื่อนฟังได้ เราก็จะเล่าเรื่องของเราให้ทุกคนฟังได้"

 

โต๊ะอิหม่ามท่านหนึ่ง ซึ่งผ่านประสบการณ์ยืนหยัดสู้กับมายาคติของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่เคยเห็นท่านเป็นแนวร่วมขบวนการต่อต้านรัฐ จนกลายเป็นผู้ต้องหาคดีความมั่นคง ติดหมายพรก.ฉุกเฉินฯ ท่านทำทุกอย่างไม่หนีไปไหนจนพ้นพันธการแห่งความอธรรมและผันตนเองเป็นนักพัฒนาชุมชน ได้กล่าวเปิดวงสนทนาเพื่อแบ่งปันเรื่องราวประสบการณ์ต่าง ๆ ร่วมกับเพื่อน ๆ ที่ผ่านการต่อสู้คดีความมั่นคงในรูปแบบต่างๆ

 

ประโยคข้างต้นทำให้ผู้ชายคนอื่น ๆ ที่ไม่คุ้นชินกับการล้อมวงเล่าประสบการณ์ได้ผ่อนคลายและเริ่มลำดับเรื่องราวของตนเอง โดยโต๊ะอิหม่ามค่อย ๆ เล่าวันคืนที่ยากลำบาก บางช่วงจังหวะก็นิ่งเงียบ ในยามที่ท่านน้ำตาซึม ก็พาให้ทั้งวงเสียน้ำตาไปด้วย พวกเราเกือบสามสิบชีวิต สมาชิกครึ่งหนึ่งของวงเสวนานี้ผ่านประสบการณ์ "คดีความมมั่นคง" ต่างผลัดกันฟังผลัดกันเล่าเรื่อง ปลอบใจ เชื่อมโยงความรู้สึกซึ่งกันและกัน

 

สำหรับฉันจนป่านนี้ยังไม่สามารถสลัดความรู้สึกแน่นอกและซึมเศร้าจากกระบวนการอบรมการเขียนเรื่องเล่าเพื่อทำหนังสือเล่มนี้ได้

 

วงนี้ต่างจากวงของผู้หญิงและเด็กที่ผ่านประสบการณ์การสูญเสียคนที่รัก ที่พอทำใจได้ว่าเขากลับคืนสู่พระเจ้าและต้องเข้มแข็งให้ชีวิตไปต่อให้ได้ ขณะที่ผู้ผ่านคดีความมั่นคงแม้จะหลุดคดีและข้อกล่าวหาต่าง ๆ แล้ว หลายคนยังไม่หลุดจาก "แบล็คลิสต์" ฝ่ายความมั่นคง ที่มักแวะแวะไปเยี่ยมบ้าน บางครั้งหากเกิดเหตุในหมู่บ้านเขาจะกลายเป็นคนลำดับต้น ๆในการถูกปิดล้อม ตรวจค้น ประหนึ่งว่า "เรื่องไม่จบสักที"

 

และในช่วงท้ายของกระบวนการคณะทำงานขอให้แต่ละคนสะท้อนกระบวนการและเครื่องมือต่าง ๆ ในการดึงประสบการณ์ของแต่ละคนถ่ายทอดออกเป็นเรื่องเล่า โต๊ะอิหม่ามท่านเดิมได้กล่าวสรุปไว้

 

"เรื่องเล่าของพวกเราทุกคนจะเป็นบทเรียน เป็นส่วนเสี้ยวหนึ่งของเรื่องราวที่เกิดขึ้นในห้วงของความรุนแรงที่ยืดเยื้อนี้ ซึ่งมีเราเป็นตัวประกอบในบริบทของเราชาวปาตานี เมื่อเราเล่าเรื่องของเรา ย่อมเผยให้เห็นถึงชีวิตและความเป็นไปของปาตานี และเมื่อเราเล่าเรื่องให้เขาฟัง ให้สาธารณะได้รับรู้ เรื่องที่เล่าจะได้ทำหน้าที่ของมันต่อไป"

ปล. หนังสือเล่มนี้น่าจะเสร็จประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2560 นะคะ รอติดตามได้เลย ^ ^