Skip to main content

 

ฤาปาเลสไตน์จะกลายเป็นสุสานของจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่อีกครั้ง

 

โดย รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน

 

 

ในอดีตเคยเขียนบทความด้านการเมืองระหว่างประเทศอยู่บ่อยๆแต่เบื่อหน่ายจึงต้องเลิก มาคราวนี้ได้ยินประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมพ์ ประกาศว่าสหรัฐอเมริกายอมรับแล้วว่าเยรูซาเล็มคือเมืองหลวงของอิสราเอล ฟังแล้วออกอาการคันมืออยากเขียนถึงสักหน่อย บอกตามตรงว่าเขียนเพราะห่วงความวุ่นวายในสถานการณ์โลก

ผมเดินทางเข้าไปในปาเลสไตน์มาแล้วสามครั้ง เป็นปาเลสไตน์ภายใต้การยึดครองของอิสราเอล แวะเยรูซาเล็มสองครั้ง ชอบเข้าไปเยี่ยมเขตเมืองเก่าเยรูซาเล็ม เมืองเก่าที่ว่านี้ตั้งอยู่ทางตะวันออกสุดของเมืองมีพื้นที่แค่ 0.9 ตารางกิโลเมตรนับเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของสามศาสนาคือยิว คริสต์และอิสลาม ภายในกำแพงเมืองเก่าซึ่งสร้างในสมัยจักรรรดิอุสมานียะฮฺหรือเติร์กเป็นที่ตั้งของเนินเขาเล็กๆเรียกว่าเทมเปิลเมาท์ คนอาหรับเรียกว่าหะรอมอัลชาริฟ (الحرم الشريف‎) ที่ตั้งของมัสยิดอัลอักซอซึ่งเป็นทิศกิบลัตแรกของอิสลาม ชาวยิวเชื่อว่าเนินเขานี้เป็นที่ตั้งของวิหารแรกของยิวสร้างโดยโซโลมอนหรือนบีสุไลมาน อะลัยฮิสลาม เมื่อสามพันปีล่วงมาแล้ว แต่ถูกทหารโรมันยุคอาณาจักรไบแซนไทน์ทำลายลงเมื่อปี 586 ก่อนคริสตกาล

ด้านเหนือนอกกำแพงเมืองเก่ามีพื้นที่ที่เรียกว่ากลโกธาที่ชาวคริสต์เชื่อว่าเป็นสถานที่ที่พระเยซูหรือนบีอีซา อะลัยฮิสลามถูกตรึงกางเขนขณะที่อิสลามมิได้เชื่อเช่นนั้น ถัดลงมาทางใต้ออกไปนอกกำแพงเมืองเก่าของเยรูซาเล็มประมาณสิบกิโลเมตรคือชุมชนเก่าที่ชื่อว่าเบธเลเฮมซึ่งเป็นสถานที่ถือกำเนิดของพระเยซู ใกล้กำแพงเมืองเก่าเยรูซาเล็มทางทิศใต้เป็นที่ตั้งของเนินเขาเล็กๆชื่อไซออน (Zion Mount) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ชาวยิวเพราะเป็นที่มาของชื่อขบวนการไซออนิสต์ที่หวังจะได้เยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของรัฐยิว เยรูซาเล็มจึงเป็นเมืองสำคัญของสามศาสนาคือยิว คริสต์และอิสลาม ทั้งสามฝ่ายแย่งชิงเมืองนี้กันมานานนำไปสู่สงครามครูเสดระหว่างคริสต์กับอิสลามจบสิ้นลงเมื่อกว่าเจ็ดร้อยปีที่ผ่านมา

ปาเลสไตน์เป็นดินแดนเก่าแก่ตั้งอยู่รอบแม่น้ำจอร์แดนที่เชื่อมระหว่างทะเลสาบกาลิลลีและเดดซี เมืองเจริโกที่ถือเป็นชุมชนเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในโลกตั้งอยู่ในดินแดนนี้ แม้เป็นเพียงดินแดนกึ่งทะเลทรายแต่ตลอดระยะเวลายาวนานในประวัติศาสตร์พื้นที่แถบนี้ถูกผลัดเปลี่ยนกันยึดครองโดยจักรวรรดิต่างๆที่ขึ้นมาครองความยิ่งใหญ่ในโลกแต่ละยุค ไม่ว่าจะเป็นอียิปต์ เมโสโปเตเมีย มาเซโดเนีย โรมัน ไบแซนไทน์ อาหรับ มองโกล เติร์ก อังกฤษ จนถึงสหรัฐอเมริกาในวันนี้ ไม่น่าเชื่อว่าตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา จักรวรรดิหลายแห่งเลือกจบอนาคตการเป็นจักรวรรดิของตนในดินแดนปาเลสไตน์ไม่ว่าจะเป็นจักรวรรดิมองโกลอันยิ่งใหญ่ที่นำทัพมาพ่ายแพ้ครั้งแรกในอัยน์จาลุตใกล้แม่น้ำจอร์แดนก่อนล่มสลายลง ขณะที่อาณาจักรโรมัน ไบแซนไทน์ ยุโรปและอังกฤษเคยพ่ายแพ้ที่ปาเลสไตน์และเยรูซาเล็มมาแล้วก่อนจะหมดสง่าราศรีลงไปในที่สุด จึงดูเหมือนปาเลสไตน์จะเป็นคล้ายดินแดนต้องห้ามของการเป็นจักรวรรดิ

มาวันนี้เยรูซาเล็มในดินแดนปาเลสไตน์ยังคงความเป็นเมืองสำคัญในประวัติศาสตร์โลกยุคใหม่ เมื่อแต่ละฝ่ายต่างจดๆจ้องๆจะครอบครองเมืองนี้ ปาเลสไตน์ประกาศว่าเยรูซาเล็มคือเมืองหลวงของรัฐปาเลสไตร์ ขณะที่อิสราเอลประกาศเช่นกันว่าเยรูซาเล็มคือเมืองหลวงของตน ทางออกที่ดีที่สุดคือไม่ปล่อยให้เยรูซาเล็มเป็นเมืองของใครแต่เป็นของชาวโลกทั้งมวล ทว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมพ์ แห่งสหรัฐอเมริกากลับประกาศในวันที่ 6 ธันวาคม 2017 ว่าสหรัฐอเมริกาเปลี่ยนแปลงนโยบายตะวันออกกลางครั้งใหญ่โดยถือว่าเยรูซาเล็มคือเมืองหลวงของอิสราเอล หรือยกให้อิสราเอลเสียเฉยๆ นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนธันยาฮู แห่งอิสราเอลรีบออกประกาศรับในทันทีว่าฝันสามพันปีของชาวยิวเป็นจริงแล้ว วันที่ 6 พฤศจิกายน 2017 จึงนับเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์ของอิสราเอลและชนชาติยิว

ฟังการตัดสินใจของประธานาธิบดีทรัมพ์แล้วขนลุก รู้ทันทีว่าเงาแห่งความยุ่งยากของโลกที่ครุกรุ่นในบริเวณคาบสมุทรเกาหลีมานานนับเดือนได้ย้ายวิกกลับมาที่ตะวันออกกลาง วิกฤติการณ์รอบใหม่กำลังจะเปิดตัวอีกครั้งในดินแดนปาเลสไตน์หลังสงครามซีเรียและเยเมนใกล้มอดลงเต็มที ฤาสหรัฐอเมริกาที่นับเป็นจักรวรรดิโรมันแห่งโลกยุคใหม่กำลังจะก้าวตามรอยอาณาจักรยิ่งใหญ่รุ่นพี่ในอดีต นั่นคือเลือกที่จะใช้ปาเลสไตน์เป็นสุสานฝังความเป็นจักรวรรดิยิ่งใหญ่ของตนเองในดินแดนต้องห้ามแห่งนี้