Skip to main content

"Every step we take on earth brings us to a new world." Federico García Lorca 

 

มาดริด  

 

ปี 2013 ผมมีโอกาสไปเที่ยวสเปน อันที่จริงทริปนั้นผมตั้งใจในตอนแรกสุดว่าจะท่องไปทางใต้ของสเปนและข้ามฝั่งไปเยือนดินแดนมัฆริบ ถิ่นกำเนิดของ Ibn Batutah ซึ่งคงใช้เวลาหลายสัปดาห์สำหรับการตระเวน แต่พอพี่ที่ทำงานรู้เข้ากำหนดการทั้งหมดก็เปลี่ยนแปลงไป ผมเหลือเวลาแค่เพียงอาทิตย์เดียว และนั่นจึงทำให้ผมได้ไปเที่ยวแค่ในเมืองมาดริด เมืองใกล้เคียง และที่สำคัญคือเมืองบาร์เซโลน่า 

 

ผมนั่งเครื่องบินจากกรุงเทพฯมาถึงกรุงมาดริดด้วยการบริการของสายการบินป้าม่วง ถึงมาดริดปุ๊ปผมก็ใช้เวลาเดินไปเดินมาอย่างสบายใจ อากาศของเดือนกันยายนกำลังดีมีอุณหภูมิราวๆสิบกว่าองศา แต่เสียดายอย่างเดียวคือมีฝนตกปรอยๆทั้งวัน ทำให้ถ่ายรูปไม่ค่อยได้ เพราะกลัวกล้องกับแท็บเล็ตพัง วันแรกๆผมเดินไปแค่ไม่กี่ที่เอง ส่วนใหญ่เป็นการเดินชมทิวทัศน์ไปเรื่อยๆมากกว่า แต่มีที่นึงที่น่าสนใจมากคือ วิหาร Debod ของพวกอียิปต์ที่มีอายุกว่า 2,000 ปี วิหารแห่งนี้กำลังจะจมน้ำอันเป็นผลจากการสร้างเขื่อนอัสวานในปี 1960 ทำให้ UNESCO และ รัฐบาลอียิปต์ ต้องหาพันธมิตรในการรื้อถอนและประกอบสร้างมรดกอันทรงคุณค่าแห่งนี้ และก็เป็นสเปนที่รับอาสารักษาดูแล  

 

  

ในเมืองมาดริดผมใช้เวลาอย่างยาวนานสำหรับการเข้าชมพิพิธพันธ์ศิลปะที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป Museo del Prado อันเป็นสถานที่เก็บภาพวาดและรูปปั้น นับร้อยนับพันชิ้น ศิลปินเด่นของที่นี่คงจะเป็น Goya ชาวสเปนนั่นเอง ผมเดินชูคอ เก๊กท่า เสพงานศิลปะชั้นสูงได้ตั้งค่อนวัน แต่เอาจริงๆแล้วผมกลับมีข้อสงสัยมากมายสำหรับงานศิลปะที่เห็นตรงหน้า เสร็จจากที่นี่ผมก็เดินต่อเพื่อเข้าอีกพิพิธพันธ์ที่ชื่อว่า Museo Thyssen-Bornemisza ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก แต่ต่อมความเบื่อมันกระตุ้นให้ผมรีบเดินออกไปจิบกาแฟริมถนนเคล้ากับวงดนตรีข้างถนนที่บรรเลงเพลง salza อย่างเมามัน 

 

  

 

Hala Madrid 

 

เมืองมาดริดแห่งนี้เดินเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อจริงๆ แต่เสียดายอย่างเดียวที่มีเวลาน้อยเกินไป เดินไปเดินมา เริ่มเห็นแฟนยูเวนตุสจำนวนหนึ่งมาเที่ยวเล่นฆ่าเวลารอดูบอลอยู่กลางเมือง ซึ่งเป็นสัญญานบอกให้เราเดินกลับไปเก็บของและเตรียมตัวไปดูบอล ผมคงเดินทางไปก่อนเวลาแข่งสักพักใหญ่เพื่อเสพบรรยากาศ เพราะเป็นครั้งแรกที่จะได้ดูบอลคู่ใหญ่ของยุโรป และมันก็ค่อนข้างตื่นเต้นเพราะเป็นครั้งแรกที่จะได้ดูเกมส์ Champions League ของจริง ระหว่าง Real Madrid vs Juventus ยักษ์ใหญ่เจ้าถิ่นปะทะยักษ์ใหญ่จากอิตาลี ในเกมส์การแข่งขันฟุตบอลทั้งสองทีมต่างมีเกียรติภูมิไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน 

  

ผมเริ่มเดินทางออกจากที่พักก่อนแข่งราวๆสองชั่วโมงเพื่อจะได้ไปเสพบรรยากาสให้หนำใจ และก็เป็นไปตามคาด เมื่อมุดลงสถานีรถไฟใต้ดินปุ๊บ ก็เจอกับแฟน Juventus นับสิบหรืออาจจะนับร้อยเริ่มร้องรำทำเพลงแต่หัววันโดยมีตำรวจถือกระบองคอยประคองอยู่ไม่ห่าง อันที่จริงแล้วผมพบว่าแฟนทั้งสองทีมนั้นก็เดินปะปนกันตลอดทางโดยต่างฝ่ายต่างรักษาระยะห่างกันพอสมควร 

  

เมื่อโผล่มาถึงสนามปั๊ปก็ปรากฎฝูงชนจำนวนมากมาเสพบรรยากาศก่อนแข่งเยอะพอสมควร แน่ละเพราะทั้งสองทีมต่างก็เป็นทีมใหญ่ในยุโรป ผมก็เดินไปรอบๆสนามเก็บบรรยากาศไปเรื่อยๆจนถึงเวลาที่รถบัสเจ้าถิ่นมาถึง บรรยากาศเริ่มคึกคักขึ้นมาทันตา เจ้าหน้าที่เริ่มกั้นถนนและเคลียร์ผู้คน การปรากฎตัวของราชันชุดขาวเปรียบเสมือนงานพาเหรดย่อมๆ เพราะรถบัสของทีมเดินทางมาสนามโดยมีรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ของตำรวจนำขบวนและขนาบข้างด้วยม้าตำรวจจำนวนหลายตัว เมื่อรถบัสมาถึงกลุ่มแฟนๆก็จะชะลอตัวลงและค่อยๆเลี้ยวเข้าสนาม ส่วนบรรยากาศของแฟนๆนั้นไม่ต้องห่วงเลยเพราะกลุ่มชนฝูงใหญ่ต่างโห่ร้องและตะโกนกันไม่กลัวเสียงแหบ 

 

  

เตร็เตร่สักพัก ก็ได้เวลาเดินเข้าสนามพร้อมๆแฟนๆอีกกว่า 80,000 คน ต้องยอมรับเลยว่า ทีมระดับนี้มีการจัดการที่ดีมาก เพราะผมใช้เวลาแค่ห้านาทีเพื่อเดินจากประตูเพื่อไปยังที่นั่ง........เมื่อแฟนเริ่มเข้าสนามเสียงเชียร์ก็ยิ่งกระหึ่ม คำว่า Hala Madrid ถูกร้องตะโกนก้อง คำว่า Hala ดูเหมือนจะมีรากจากภาษาอาหรับ เมื่อมาสมานกับคำว่ามาดริด ความหมายมันก็คงประมาณว่า "มาดริดสู้ๆ" แฟนบอลอุลตร้าของทั้งสองทีมก็เริ่มร้องรำทำเพลงกันไม่หยุดหย่อน จะสังเกตได้ว่าเพลงที่พวกเขาร้องนั้นช่างคุ้นหูเสียเหลือเกิน เพราะแฟนบอลไทยลีกหลายทีมนำไปดัดแปลงและเอามาใช้ ผ่านไปสักพักเสียงเชียร์กระหึ่มอีกครั้งเมื่อนักเตะทั้งสองฝ่ายต่างออกมาวอร์ม และแน่นอนคนที่ได้รับเสียงเชียร์มากที่สุดคือ Ronaldo รองลงมาก็เป็น Casillas จากนั้นนักเตะทั้งสองทีมก็กลับเข้าห้องแต่งตัวเพื่อเริ่มการแข่งขันจริง... 

  

ผ่านไปชั่วอึดใจเดียว นักเตะทั้งสองทีมก็เดินเรียงแถวลงมาในสนามอีกครั้งพร้อมๆกับเพลงประจำการแข่งขันที่เร้าอารมณ์สุดๆ และธงประจำการแข่งขันที่โบกสะบัดอยู่กลางสนาม อันที่จริงแล้วเกมส์ค่อนข้างน่าเบื่อ แต่บรรยากาสในสนามนี่ประทับใจไม่รู้ลืมจริงๆ และรู้สึกคุ้มกับค่าตั๋วที่จ่ายไปแสนแพงเพราะนั่งอยู่ใกล้ห้องดูบอล วีไอพี เมื่อเหลือบปมองข้างหลังก็แอบเห็นนักฟุตบอลคนนึงที่แฟนบอลชาวไทยคงรู้จักเป็นอย่างดี เขาคือ Xabi Alonso กำลังดูบอลอยู่เหมือนกัน นักฟุตบอลที่อายุพอๆกับผมนั่งกินน้ำไปดูบอลไปู่ แต่เสียดายที่เขากั้นห้องวีไอพีเป็นห้องกระจกแยกไว้เลยไปขอลายเซ็นไม่ได้ 

  

เมื่อบอลจบการแข่งขันพร้อมชัยชนะของราชันชุดขาว ผู้คนก็แห่กันเดินออกจากสนาม ไม่น่าเชื่อเลยว่าผมใช้เวลาน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมงเดินออกจากสนาม มุด metro และมาถึงที่พัก แสดงว่าการจัดการเขาเยี่ยมจริงๆ ให้นึกถึงตอนไปดูบอลที่สนามราชมังคลา แต่กลับใช้เวลาสองชั่วโมงกว่าจะไปถึงที่พักแถวปรีดีพนมยงค์ ซึ่งใกล้มากมาย 

 

  

 

 

 

โตเลโด และการประท้วงในเมืองมาดริด 

  

และก็มาถึงวันที่ผมไปเยือนเมืองโตเลโด ผมตื่นมาตอนประมาณเจ็ดโมงเช้า เช็คอีเมลออฟฟิสเสร็จก็ค่อยๆนำร่างตัวเองไปนั่งเอกเขนกหน้าร้านกาแฟใกล้ๆโรงแรม ค่อยๆละเลียดกาแฟและจีบปากจีบคอกินขนมปังฝรั่งเศส จากนั้นจึงมุดลงใต้ดินเพื่อหารถบัสไปเมืองโตเลโดซึ่งอยู่ห่างออกไปจากกรุงมาดริดราวแปดสิบกิโลและใช้เวลาเพียงชั่วโมงเดียวในการเดินทาง โตเลโดเป็นเมืองหลวงเก่าของสเปนที่มีอายุยืนยาวพันกว่าปีและมีมรดกตกทอดของ Andalucía ปรากฎอยู่ในสถาปัตยกรรม เมืองนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาและมีส่วนประกอบสำคัญของสามอารยธรรมที่สำคัญ คือ ยิว คริสเตียน และ อิสลาม ผมยังคงเห็น synagogue อยู่หลายที่ โบสถ์ใหญ่ๆอยู่รอบๆเมือง ซึ่งหลายแห่งนั้นสร้างทับหรือต่อยอดจากอดีตมัสยิด จึงยังคงเห็นร่องรอยของศิลปกรรมอิสลามในโบสถ์หลายแห่งเสมอ ผมอธิบายเป็นคำพูดไม่ออกถึงความประทับใจต่อเมืองโบราณแห่งนี้ได้ และผมเองก็ใช้เวลาประมาณหกชั่วโมงในการเดินรอบๆเมืองเพื่อชื่นชมกับความงามของมัน 

 

  

 

 

 

แต่ไฮไลท์ที่สุดของวันนี้คือเมื่อกลับมาถึงเมืองมาดริดในตอนค่ำ และก็พบว่าวันนี้มีคนมารวมตัวนับหมื่นคนในใจกลางเมืองเพื่อประท้วงรัฐบาลที่พยายามจะตัดงบสนับสนุนทางการศึกษา สถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสเปนบีบคั้นให้พวกเขาทำในสิ่งที่หลายคนไม่ชอบคือการทำให้สถาบันการศึกษาออกนอกระบบรัฐ นอกจากนี้ยังไม่อีกหลายประเด็นร่วมที่ทำให้ผู้คนออกมาประท้วงรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการตัดลดเงินบำนาญ การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และอัตราการว่างงานที่สูงมาก 

  

ผมไม่ได้เพียงสังเกตุการณ์เท่านั้น แต่ร่วมประท้วงและตะโกนไปกับเขาด้วยถึงแม้ว่าจะสื่อสารกันไม่รู้เรื่องเลยก็ตาม และรู้สึกทึ่งในเสรีภาพของการแสดงออกของคนที่นี่ และการตื่นตัวทางการเมืองของพวกเขา ผู้คนที่มาประกอบไปด้วยคนหลายช่วงอายุ หลายอุดมการณ์ แต่พวกเขายืนยันต่างยืนยันหนักแน่นว่ารัฐบาลต้องฟังเสียงพวกเขา และการที่คนมามากขนาดนี้ดูเหมือนพวกเขาจะไม่พาลและเฉไฉออกนอกประเด็นที่ตัวเองตั้งมั่นนัก 

  

สิ่งที่น่าชื่นชมประการหนึ่งคือ การที่เจ้าหน้าที่ไม่ตื่นตูมจนเกินไปนัก มีการจัดเจ้าหน้าที่ในการดูแลม็อบเป็นระยะ และอำนวยความสะดวกในการปิดถนนให้ ในขณะเดียวกัน การปิดถนนให้ก็เท่ากับเป็นการต้อนฝูงชนให้อยู่ในจุดเดียวและจุดเดียวที่ว่าก็กินพื้นที่จำนวนมากพอสมควรจนทำให้ผู้คนไม่อึดอัดใจนัก 

 

การประท้วงจบลงผมเดินกลับไปนอนยังที่พัก และ เตรียมตัวเพื่อไปยังเมืองบาร์เซโลน่า เมืองทางอีสานซึ่งมีสโมสรฟุตบอลที่ทำหน้าที่มากกว่าสโมสรฟุตบอลตั้งอยูู่่