Skip to main content

 

มุสลิมจะทำอะไรกันดีในเดือนมุฮัรร็อม?

 

ผศ.ดร.อับดุลเลาะ หนุ่มสุข

 

 

 ความสำคัญของเดือนมุฮัรร็อม

          เดือนมุฮัรร็อมเป็นเดือนที่หนึ่งของปฎิทินอิสลาม เป็นเดือนหนึ่งในสี่เดือนที่ฮะรอม ได้แก่ซู้ลเกาะดะฮ์ (เดือนที่11) เดือนซู้ลฮิจญะฮ์ (เดือนที่12) เดือนมุฮัรร็อม (เดือนที่1) และเดือนเราะญับ (เดือนที่7) นักวิชาการส่วนใหญ่มีทัศนะว่าเดือนฮะรอมที่ประเสริฐที่สุดได้แก่เดือนมุฮัรร็อมดังที่ท่าน อัลหะซัน อัลบัสรีได้กล่าวว่า:

" إنّ الله افْتَتح السنةَ بشهرِ حرامٍ، وخَتَمَها بشهرِ حرامٍ، فلَيْسَ شهرٌ في السنة بعدَ شهر رمضان أعْظَمُ عند الله من المحرّم "

“อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้เริ่มต้นปีด้วยเดือนฮะรอม(หมายถึงเดือนมุฮัรร็อม) และปิดท้ายปีด้วยเดือนฮะรอม(หมายถึงเดือนซู้ลฮิจญะฮ์)     และไม่มีเดือนใดในรอบปีหลังจากเดือนรอมฎอนจะยิ่งใหญ่สำหรับอัลลอฮ์ยิ่งกว่าเดือนมุฮัรร็อม : (หนังสือ  لطائف المعارف:ابن رجب الحنبلي     หน้า37)

 

การเฉลิมฉลองปีใหม่ในอิสลาม

           แม้ว่าเดือนมุฮัรร็อมจะเป็นเดือนที่หนึ่งในปฏิทินอิสลาม แต่ก็ไม่มีบัญญัติให้มีการเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่แต่อย่างใด วันที่ 31 เดือน ซู้ลฮิจญะฮ์ และวันที่ 1 เดือนมุฮัรร็อมของทุกปี จึงเป็นวันทำการปกติของโลกมุสลิมโดยทั่วไป  และไม่พบว่ามีประเทศมุสลิมประเทศใดกำหนดให้2วันนี้เป็นวันหยุด หรือมีการจัดงานเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แต่อย่างใด อย่างไรก็ตามอิสลามได้กำหนดให้มุสลิมมีวัน 2 วันสำหรับการเฉลิมฉลอง คือวันที่ 1 ของเดือนเชาวาล (เดือนที่10) เรียกว่าวันตรุษอีดิลฟิฎร์ และวันที่ 10 เดือนซุลฮิจยะฮ์ (เดือนที่12) เรียกว่าวันตรุษอีดิ้ลอัฎฮา มุสลิมจะใช้วันตรุษทั้งสองวันนี้เพื่อเฉลิมฉลองแทนวันขึ้นปีใหม่ ไม่มีการจุดพลุ ดอกไม้ไฟ หรือประทัด ไม่มีการ Count down หรือนับถอยหลัง ไม่มีการดื่มฉลอง เต้นรำ หรือร้องเพลง หรือกิจกรรมบันเทิงอื่นๆ ที่ต้องห้าม มีแต่การขอบคุณอัลลอฮ์ด้วยการละหมาดอีดร่วมกัน การกล่าวสดุดีในความเกรียงไกรและความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮ์ การฟังธรรมเทศนา การบริจาคทานแก่คนยากจนและเด็กกำพร้า การเชือดสัตว์เพื่อแจกเนื้อและปรุงอาหารเลี้ยง  การเยี่ยมเยียนกันในหมู่ญาติพี่น้องและเพื่อนฝูง การให้อภัยกันในสิ่งที่ได้ล่วงเกิน การมอบของขวัญและของกำนัลแก่ผู้ที่เคารพนับถือ และการอวยพรแก่กัน รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ ที่สร้างสรรค์ ที่ไม่ละเมิดบัญญัติศาสนาของอัลลอฮ์

 

สิ่งที่ควรปฏิบัติในเดือนมุฮัรร็อม คือการถือศีลอดในวันที่  10

           วันที่สำคัญในเดือนมุฮัรร็อมคือวันที่ 10  เรียกวันนี้ว่าวันอะชูรอ สิ่งที่ควรปฏิบัติในวันอะชูรอคือการถือศีลอด ดังปรากฏในรายงานจากอิบนฺ อับบาส ร่อฎิยัลลอฮุอันฮฺมา  กล่าวว่า: ท่านนบี ซอลลอลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้เดินทางไปยังนครมาดีนะฮ์ ท่านได้เห็นชาวยิวถือศีลอดในวันอะชูรอ ท่านนบีได้ถามพวกเขาว่า : วันนี้เป็นวันอะไร? พวกเขากล่าวว่า :   วันนี้เป็นวันที่ยิ่งใหญ่ เป็นวันที่อัลลอฮ์ทรงให้นบีมูซาและชาวอิสรออีล ได้รับความปลอดภัย และให้ฟิรเอาน์ กับพรรคพวกของเขาจมน้ำ ท่านนบีมูซาจึงได้ถือศีลอดในวันนี้เพื่อขอบคุณอัลลอฮ์ ท่านนบีได้กล่าวว่า :

 " فأنا أحقُّ  بموسى منكم " فصامه وأمَر بِصيامِه .

 “ฉันนั้นสมควรอย่างยิ่งที่จะดำเนินตามมูซายิ่งกว่าพวกท่าน ท่านนบีจึงถือศีลอด และใช้ให้(มุสลิม) ถือศีลอดด้วย”

(บันทึกโดยอัลบุคอรี หมายเลขหะดีษ   2004   )

           การถือศีลอดในวันอะชูรอนั้นมีคุณค่าและความประเสริฐรองจากการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน ดังปรากฏในรายงานของท่านอบูฮูรอยเราะฮ์ จากท่านรอซู้ล ซอลลอลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า :

 " أفضل الصيام بعد رمضان شهر الله المحرم، وأفضل الصلاة بعد الفريضة صلاة الليل "

“การถือศีลอดที่ประเสริฐสุดหลังจากเดือนรอมฎอนคือการถือศีลอดในเดือนของอัลลอฮ์ อัลมุฮัรรอม และการละหมาดที่ประเสริฐที่สุดหลังจากละหมาดฟัรดู คือละหมาดในยามค่ำคืน”

(บันทึกโดยมุสลิม หมายเลขหะดีษ 1163 และอัตติรมิซียฺ หมายเลขหะดีส 438   )

 

การถือศีลอดในวันที่ 9 ของเดือนมุฮัรรอม

           นอกเหนือจากการถือศีลอดในวันที่10แล้ว ยังมีซุนนะฮ์ให้ถือศีลอดในวันที่9 เรียกว่าวันตาซูอาอ์อีกด้วย ท่านนบีได้ให้เหตุผลในการให้ถือศีลอดวันที่ 9 ว่า  เพื่อให้มีความแตกต่างกับชาวยิวที่ได้กำหนดให้ถือศีลอดในวันอาชูรอเพียงวันเดียว ท่านรอซูลได้กล่าวว่า

   " لئن بقيتُ إلى قابلٍ لأصومنّ التاسع "

“ถ้าหากว่าฉันยังคงมีชีวิตอยู่ในปีต่อไป ฉันจะถือศีลอดในวันที่9 ด้วย”

(บันทึกโดย อะห์หมัด หมายเลขหะดีษ  1736 และมุสลิมหมายเลขหะดีษ 1134 )

          จากเหตุผลของซุนนะฮ์ข้อนี้ ทำให้ทราบถึงเจตนารมณ์ของอิสลามอย่างหนึ่งก็คือการไม่ทำอะไรตามอย่างชนต่างศาสนิก โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับศาสนกิจ แม้ว่าศาสนกิจนั้นๆจะมีความละม้ายคล้ายคลึงกันก็ตาม

 

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเดือนมุฮัรรอม

            มีมุสลิมบางคนเข้าใจผิดว่าเดือนมุฮัรรอมเป็นเดือนต้องห้าม เพราะว่ามุฮัรรอมแปลว่าต้องห้าม จึงห้ามปฏิบัติภารกิจต่างๆที่เคยปฏิบัติในเดือนอื่นๆ เช่น ห้ามจัดพิธีนิกาฮ์ ห้ามจัดพิธีสู่ขอ พิธีหมั้น ห้ามทำบุญมงคลต่างๆ ห้ามปลูกบ้านหรือย้ายบ้าน ห้ามปลูกต้นไม้ ห้ามซื้อรถยนต์ หรือพาหนะขับขี่อื่นๆ เป็นต้น  ทั้งหมดนี้เป็นความเข้าใจผิดทั้งสิ้น เพราะที่จริงแล้วเดือนมูฮัรรอมเป็นเดือนที่ห้ามการทำสงครามเหมือนเดือนฮะรอม อื่นๆอีกสามเดือน มิได้ห้ามให้กระทำกิจกรรมอื่นๆ แต่อย่างใด

 

 สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง

1.)  การละหมาดในรูปแบบเฉพาะของวันอะชูรอ เนื่องจากไม่ปรากฏหลักฐานที่เชื่อถือได้ในเรื่องดังกล่าว

2.) การอ่านดุอาอ์เฉพาะเนื่องในวันอะชูรอ เนื่องจากไม่มีหลักฐานที่เชื่อถือได้ ยืนยันว่าให้มีการอ่านดุอาอ์เฉพาะในวันนี้

3.) การแสดงความเศร้าโศกเสียใจในวันอะชูรอ ด้วยการร้องให้รำพึงรำพัน การตีอกชกตัว การกรีดศีรษะ การทำร้ายตัวเอง การลุยไฟ หรืออื่นๆ เพื่อรำลึกถึงการที่ท่านอิหม่ามฮุเซ็นอิบนิอะลีอิบนิฏอลิบ ถูกสังหารในวันนี้ ที่ตำบลกัรบาลาฮ์

4.) การทำบุญเลี้ยงอาหารในตอนกลางวันของวันอะชูรอ เนื่องจากขัดแย้งกับซุนนะฮ์ของท่านนบีในการให้ถือศีลอด และหากจะเปลี่ยนจากการทำบุญในตอนกลางวันมาเป็นการทำบุญเลี้ยงละศีลอดแก่ผู้ถือศีลอดในวันนั้นก็จะเป็นประเพณีที่ดียิ่ง ส่วนการจะทำขนมหรือทำอาหารประเภทไหนอย่างไร ไม่น่าจะมีข้อห้าม ที่สำคัญก็คือ อย่าทำให้บรรยากาศของวันอะชูรอซึ่งเป็นวันที่มีซุนนะฮ์ให้มุสลิมถือศีลอดเสียไปด้วย การทำบุญเลี้ยงอาหารกันอย่างไม่ละอาย

 

ขออัลลอฮ์ได้ประทานเตาฟิกและฮิดายะฮ์แก่ผู้อ่านทุกท่าน

 

เผยแพร่ครั้งแรกที่ www.islammore.com