Skip to main content

เครือข่ายการสร้างความเกลียดกลัวต่ออิสลามในสหรัฐฯ

รอซี ฮารี

เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายนที่ผ่านมา สภาความสัมพันธ์อิสลามอเมริกันและศูนย์วิจัยเชื้อชาติและเพศแห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเบิร์กเล่ได้เผยแพร่รายงานชิ้นสำคัญชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับกลุ่มองค์กรและบุคคลต่างๆที่ดำเนินงานและเคลื่อนไหวเพื่อสร้างกระแสต่อต้านอิสลามในสหรัฐ รายงานที่มีชื่อว่า “ท้าเผชิญความกลัว: อิสลาโมโฟเบียและผลกระทบต่อสังคมสหรัฐ” (Confronting Fear: Islamophobia and Its Impact in the United States) ถูกจัดทำขึ้นโดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อเป็นข้อเสนอแก่รัฐบาลเพื่อเป็นแนวทางการวางยุทธศาสตร์แห่งชาติ และเพื่อส่งเสริมหลักการขันติธรรมและการอยู่ร่วมกันในพหุสังคม   

เนื้อหาของรายงายถูกแบ่งบทต่างๆดังนี้ ๑. นโยบายแห่งชาติเพื่อท้าเผชิญกับกระแสอิสลาโมโฟเบีย ๒. เครือข่ายอิสลาโมโฟเบียในสหรัฐฯ ๓. กฎหมายต่อต้านอิสลาม ๔. การมุ่งโจมตีนักศึกษาและการศึกษา ๕. การมุ่งโจมตีมัสยิด ๖. อาชญากรรมความเกลียดชังและการเลือกปฏิบัติ  ๗. สื่อที่สร้างกระแสอิสลาโมโฟเบีย ๘. อิสลามโฟเบียในวงการเมือง ๙. การเดินขบวนต่อต้านอิสลามโดยเพื่อผู้ร่วมเดินขบวนที่พกพาอาวุธ ๑๐. ธุรกิจที่กีดกันมุสลิม และส่วนสุดท้าย ๑๑. ความพยายามในการใช้ช่องทางทางกฎหมายเพื่อต่อต้านอิสลาม

ตามรายงาน มีองค์กรมากถึง ๗๔ องค์กรที่ทำงานเคลื่อนไหวสร้างกระแสให้คนหวาดกลัวต่ออิสลาม โดยในจำนวนนี้พบว่า ๓๓ องค์กรยอมรับกับผู้ทำวิจัยอย่างชัดเจนว่า “เพื่อสร้างภาพอคติ ความเกลียดชังต่ออิสลามหรือมุสลิม”

องค์กรที่มีบทบาทโดดเด่นในการสร้างกระแสอิสลาโมโฟเบียได้แก่ กองทุนแอ็บส์แทร็กชั่น  แคลเรี่ยนโปรเจก ศูนย์เสรีภาพเดวิด โฮโรวิทซ์ มิดเดิลอีสท์ฟอรั่ม ศูนย์กฎหมายอเมริกันเสรี ศูนย์นโยบายมั่นคง โครงการสืบสวนก่อการร้าย ญิฮาดวอทช์ และ แอ็คท์! ฟอร์ อเมริกา องค์กรเหล่านี้จะทำงานเป็นเครือข่าย โดยพออธิบายสรุปดังนี้

องค์กรที่โปรโมทกระแสอิสลาโมโฟเบียเหล่านี้จะได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากองค์กรที่ทำหน้าที่รวบรวมเงินทุนจากบุคคล นักธุรกิจหรือหน่วยงานอีกทีหนึ่ง โดยที่ผู้บริจาคเหล่านี้จะระบุอย่างชัดเจนว่าเงินสนับสนุนเหล่านี้จะต้องนำไปใช้เพื่อการรณรงค์ต่อต้านอิสลาม จากนั้นองค์กรเหล่านี้จะนำเงินไปดำเนินกิจกรรมต่างๆเช่นจัดรายการวิทยุ โฆษณา ดีเบท เดินรณรงค์ เผยแพร่เอกสาร หรือแม้แต่ออกวารสารที่มีนัยแฝงเพื่อโจมตีอิสลาม บุคคลที่บทบาทโดดเด่นในการสร้างกระแสความเกลียดชังต่ออิสลามก็คือผู้บริหารหรือผู้อำนวยการองค์กรเหล่านี้นั้นเองโดยทำงานร่วมมือกับกลุ่มนักการเมืองหรือนักเคลื่อนไหวที่มีแนวคิดออกทางอนุรักษ์นิยมหรือกลุ่มขวาจัด และสร้างขยายเครือข่ายสู่กลุ่มรากหญ้าและนักการศาสนา

ผู้เขียนขอกล่าวโดยสรุปเกี่ยวกับแหล่งเงินทุนและบุคคลที่ดำเนินการสร้างกระแสอิสลาโมโฟฟเบีย และขอเสริมข้อมูลบางส่วนแทรกถึงแม้ในรายงานไม่ได้ระบุโดยเฉพาะอย่างยิ่งอิทธิพลทางการเงินของกลุ่มชาวยิวที่บทบาทอยู่เบื้องหลังในการสร้างกระแสความเกลียดชังต่ออิสลาม   

แหล่งเงินทุนสนับสนุนสร้างกระแสอิสลามโมโฟเบีย

กองทุน  Donors Capital Fund (DCF) เป็นกองทุนที่รวบรวมเงินบริจาคจากผู้บริจาครายย่อยที่ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลชื่อบุคคลหรือองค์กร และนำเงินเหล่านี้ไปดำเนินการกิจกรรมต่างๆตามเจตนารมณ์ของผู้บริจาค ประธานของกองทุนนี้คือ อาดัม เมเยอร์ซัน (Adam Mayerson) ก่อนปี ๒๐๐๗ กองทุนนี้ไม่ได้นำเงินไปดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการสร้างกระแสอิสลาโมโฟเบียแต่อย่างใด แต่หลังจากปี ๒๐๐๗-๒๐๐๙ กองทุนฯได้มอบเงินทั้งสิ้น ๒๑,๓๑๘,๖๐๐ เหรียญสหรัฐเพื่อดำเนินการกิจกรรมโปรโมทอิสลาโมโฟเบียผ่านองค์กรต่างๆเช่น มิดเดิลอีสท์ฟอรั่ม (Middle East Forum) กองทุนแคลเรี่ยน (Clarion Fund) โครงการสืบสวนการก่อการร้าย (Investigative Project on Terrorism) และศูนย์ David Horowitz Freedom Center       

กองทุน Richard Mellon Scaife Foundations (RMSF) ริชาร์ด เมลล๊อน ชัยฟ์ เป็นมหาเศรษฐีจากตระกูลเม๊ลลอน ซึ่งเป็นตระกูลผู้ก่อตั้งบริษัทกัลฟ์ออยล์ (ซึ่งต่อมาได้ควบกิจการกับแสตนดาร์ดออยล์แห่งแคลิฟอร์เนีย (ปัจจุบันคือบริษัทเชฟรอน) และเจ้าของธนาคาร แบงค์ออฟนิวยอร์กเมลล่อน (BNY Mellon) เขาเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญของกลุมอนุรักษ์นิยมสหรัฐจนได้ฉายาว่าเป็น “บิดาของพวกฝ่ายขวา” ผ่านกองทุนสามแห่งคือ กองทุน The Sarah Schaife กองทุน The Carthage และกองทุน The Allegheny ระหว่างปี ๒๐๐๑-๒๐๐๙ กองทุนนี้ได้บริจาคเงินเพื่อดำเนินการกิจกรรมที่มีจุดประสงค์สร้างกระแสอิสลาโมโฟเบียมากถึง ๗,๘๗๕,๐๐๐ เหรียญสหรัฐผ่านกองทุนทั้งสามข้างต้น และองค์กรต่างๆเช่น ศูนย์นโยบายความมั่นคง (Center for Security Policy  ศูนย์วิจัยและการศึกษาความมั่นคงและต่อต้านการก่อการร้าย (Counterterrorism & Security Education and Research Center) และ ศูนย์เดวิด โฮโรวิทซ์เพื่อเสรีภาพ (David Horowitz Freedom Center)

มูลนิธิลินด์และแฮรี่ บรัดเล่ (Lynde and Harry Bradley Foundation) เป็นมูลนิธิของผู้ก่อตั้งบริษัท แอลเลน บรัดเล่ จุดประสงค์ของมูลนิธิแห่งนี้คือให้การสนับสนุนและส่งเสริมกิจกรรมของกลุ่มอนุรักษ์นิยมในสหรัฐฯ รวมทั้งแผนการศตวรรษใหม่อเมริกัน (New American Century) ของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุชที่มีผลอย่างมากต่อนโยบายทางการทหารและการต่างประเทศของเขา ระหว่างปี ๒๐๐๑-๒๐๐๙ มูลนิธิฯให้การสนับสนุนทางการเงินแก่เครือข่ายอิสลาโมโฟเบีย อาทิเช่น ศูนย์นโยบายความมั่นคง (Center for Security Policy) มิดเดิลอีสท์ฟอรั่ม (Middle East Forum) และ ศูนย์เดวิด โฮโรวิทซ์เพื่อเสรีภาพ (David Horowitz Freedom Center)

กองทุน Newton D. & Rochelle F. Becker Foundations กองทุน Newton and Rochelle Becker Family Foundation และ กองทุน Newton and Rochelle Becker Charitable Trust กองทุนทั้งสามนี้เป็นกองทุนที่ก่อตั้งขึ้นโดย นิวตัน ดี เบกเกอร์ และมีจุดประสงค์เพื่อให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ชุมชนยิวและองค์กรที่เคลื่อนไหวต่อต้านสื่อที่นำเสนอข่าวเชิงลบหรือต่อต้านอิสราเอล ขณะเดียวกันก็ให้เงินสนับสื่อที่ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงแก่อิสราเอล ตั้งแต่ปี ๒๐๐๑-๒๐๐๙ กองทุนทั้งสามนี้ได้บริจาคเงิน ๑,๑๓๖,๐๐๐ เหรียญสหรัฐแก่องค์กรต่อไปนี้ โครงการสืบสวนการก่อการร้าย (Investigative Project on Terrorism)  ศูนย์วิจัยและการศึกษาความมั่นคงและต่อต้านการก่อการร้าย(Counterterrorism & Security Education and Research Center) องค์กรมิดเดิลอีสท์ฟอรั่ม (Middle East Forum) ศูนย์นโยบายความมั่นคง (Center for Security Policy) กองทุนแคลเรี่ยน (The Clarion Foundation) ศูนย์เดวิด โฮโรวิทซ์เพื่อเสรีภาพ (David Horowitz Freedom Center) และองค์กร Act! For America

มูลนิธิรัซเซล เบอร์รี่ (Russell Berrie Foundation) จัดตั้งขึ้นโดยรัซเซล เบอร์รี่ มหาเศรษฐียิวอเมกันซึ่งมีจุดประสงค์ส่งเสริมชีวิตความเป็นอยู่ของชาวยิว โปรโมทความเข้าใจระหว่างศาสนาและพหุนิยม ถึงแม้เงินบริจาคส่วนมากของมูลนิธิถูกมอบให้กับองค์กรและหน่วยงานยิว แต่ระหว่างปี ๒๐๐๑-๒๐๐๙ มูลนิธิแห่งนี้ได้ให้เงินสนับสนุนส่วนหนึ่งแก่องค์กรที่รณรงค์สร้างความตระหนกกลัวต่ออิสลามซึ่งเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น ๓,๑๐๙, ๐๑๖ เหรียญสหรัฐแก่ ศูนย์วิจัยและการศึกษาความมั่นคงและต่อต้านการก่อการร้าย(Counterterrorism & Security Education and Research Center)  โครงการสืบสวนการก่อการร้าย (Investigative Project on Terrorism) และ องค์กรมิดเดิลอีสท์ฟอรั่ม (Middle East Forum)           

กองทุน Anchorage Charitable Fund และกองทุน William Rosenwald Family Fund กองทุนนี้ก่อตั้งโดยเดวิด สตีนมาน ผู้อำนวยการองค์กรการจัดการความมั่นคงอเมริกัน (American Security Management) และ เอลิซซาเบ็ธ เวเรท หลานสาวผู้ก่อตั้งกองทุนโรเซนวาลด์ ทั้งสองเป็นผู้จัดทรัพย์สินของกองทุนฯ กองทุนทั้งสองได้ให้การสนับสนุนกิจกรรมของกลุ่มอนุรักษ์นิยมในสหรัฐเช่น มูลนิธิปกป้องประชาธิปไตย (Foundation for Defense of Democracies) สถาบันฮูเวอร์ (Hoover Institution) และองค์กรยิวอย่างสถาบันยิวเพื่อกิจการความมั่นคงแห่งชาติ (Jewish Institution for National Security Affairs) ระหว่างปี ๒๐๐๑-๒๐๐๘ กองทุนฯมอบเงินแก่องค์กรเครือข่ายอิสลาโมโฟเบียเป็นจำนวน ๒,๘๑๘,๒๒๙ เหรียญสหรัฐ องค์กรที่ได้เงินสนับสนุนเหล่านี้ประกอบด้วย องค์กรมิดเดิลอีสท์ฟอรั่ม (Middle East Forum) ศูนย์นโยบายความมั่นคง (Center for Security Policy) กองทุน  แคลเรี่ยน (The Clario Foundation) และ ศูนย์วิจัยและการศึกษาความมั่นคงและต่อต้านการก่อการร้าย (Counterterrorism & Security Education and Research Center)               

มูลนิธิแฟร์บรูก (Fair Brook Foundation) ก่อตั้งโดย เออเบรย์ เชอร์นิก ในช่วงปี ๒๐๐๔-๒๐๐๙ มูลนิธิแห่งนี้ได้มอบเงินบริจาค ๑,๔๙๘,๔๕๐ เหรียญสหรัฐแก่องค์ต่อไปนี้ องค์กร Act! For America  ศูนย์นโยบายความมั่นคง (Center for Security Policy) ศูนย์เดวิด โฮโรวิทซ์เพื่อเสรีภาพ (David Horowitz Freedom Center) โครงการสืบสวนการก่อการร้าย (Investigative Project on Terrorism)  ศูนย์เฝ้าระวังญิฮาด (Jihad Watch) และ องค์กรมิดเดิลอีสท์ฟอรั่ม (Middle East Forum)   

บุคคลที่เผยแพร่และสร้างกระแสอิสลาโมโฟเบีย

แฟรงค์ กาฟฟ์นี่ (Frank Gaffney) เป็นผู้ก่อตั้ง ศูนย์นโยบายความมั่นคง (Center for Security Policy) กาฟฟ์นี่และบุคคลที่ร่วมงานกับองค์กรของเขาซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักคิดฝ่ายอนุรักษ์นิยมใหม่พยายามบิดเบือนคำสอนที่แท้จริงของอิสลาม เขาเปรียบเทียบว่า ในยุคของประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์ คอมมิวนิสต์พยายามแทรกแซงรัฐบาลกลาง แต่ในปัจจุบัน กลับมีกลุ่มที่มีความคิดสุดโต่งทางศาสนาที่เป้าหมายเดียวกัน เขามองว่า มัสยิดเปรียบเสมือนม้าโทรจันที่เป็นแหล่งรวมของไส้ศึกที่คอยมุ่งทำลายสังคมอเมริกัน การรณรงค์ต่อต้านอิสลามของเขาได้รับเสียงตอบรับจากพวกขวาจัด เอนเดอร์ เบรวิกซ์ ผู้ก่อการร้ายชาวนอร์เวที่กราดยิงคนบริสุทธิ์รับสารภาพว่าเขาได้รับอิทธิพลทางคิดจาก แฟรงค์ กาฟฟ์นี่   

เดวิด เยรูชัลมี (David Yerushalmi) ผู้ก่อตั้ง สมาคมอเมริกันเพื่อการคงอยู่ของชาติ (Society of American for National Existence) ซึ่งเป็นองค์ที่ทำหน้าสร้างกระแสอิสโมโฟเบียอีกองค์หนึ่งสหรัฐและยังเป็นที่ปรึกษาของกลุ่มต่างๆที่มีแนวคิดต่อต้านอิสลาม เยรูชัลมีแนวคิดที่ต่อต้านอิสลาม ผู้อพยพและแม้กระทั้งคนผิวดำ เขาทำงานร่วมกับองค์กรคริสเตียนหัวอนุรักษ์ที่สนับสนุนโครงการเผ่าอัลกุรอานของบาทหลวงเทอร์รี่ โจนส์ ผลงานที่เด่นที่สุดของเยรูชัลมีคือการเคลื่อนไหวต่อต้านการเปิดแผนกกฎหมายอิสลามในศาลของรัฐต่างๆเพื่อเป็นกฎหมายในการพิจารณาคดีสำหรับชุมชนมุสลิม    

ดาเนียล ไพพส์ (Daniel Pipes) ผู้ก่อตั้งมิดเดิลอีสท์ฟอรั่ม (Middle East Forum) ไพพส์จบปริญญาเอกด้านประวัติศาสตร์จากฮาร์เวิดร์ด และเป็นบุคคลมีชื่อเสียงอย่างมากในการโฆษณาชวนเชื่อในการต่อต้านอิสลามผ่านเวทีวิชาการ เขาพูดอยู่เสมอว่าสหรัฐกำลังถูกคุกคามจากอิสลาม ไพพส์ยังเป็นเขียนหนังสือที่มีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์อิสลามอย่างรุนแรง ต่อต้านการเรียนการสอนภาษาอาหรับในโรงเรียนมัธยม นอกจากนั้นองค์กรมิดเดิลอีสท์ฟอรั่มของเขายังออกวารสาร Middle East Quarterly ซึ่งนำเสนอบทความที่เต็มไปด้วยอคติเกี่ยวกับอิสลาม      

โรเบิตร์ สเปนเซอร์ (Robert Spencer) สเปนเซอร์มีบทบาทอย่างมากในการสร้างวาทกรรมต่อต้านอิสลามผ่านเวทีวิชาการ เขาจัดสัมมนาเกี่ยวกับอิสลามแก่หน่วยงานต่างๆเช่น ศูนย์บัญชาการกลางกองทัพสหรัฐฯกองบัญชาการกองทัพเรือสหรัฐฯ และเอฟบีไอ สเปนเซอร์เป็นผู้บริหารเว็บไซต์เฝ้าระวังญิฮาด Jihad Watch ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนจากศูนย์เสรีภาพโฮโรวิทซ์  นอกจากนั้นแล้ว เขายังเขียนหนังสือเกี่ยวกับอิสลาม ๑๐ เล่ม รวมทั้ง หนังสือขายดีซึ่งบิดเบือชีวประวัติของศาสดามูฮำหมัดที่มีชื่อว่า The Truth About Muhammad  

สตีเว่น อีเมอร์ซัน (Steven Emerson) เป็นบุคคลระดับแนวหน้าอีกบุคคลหนึ่งที่สร้างกระแสความความเกลียดชังต่ออิสลามในสหรัฐฯ เขาเคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยรองเลขาธิการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯในสมัยของริชาร์ด เพิร์ล  อีเมอร์ซันได้ก่อตั้งศูนย์นโยบายความมั่นคง (Center for Security Policy) ซึ่งเป็นแหล่งรวมของนักคิดปัญญาชนที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยม อาทิเช่น ริชารด์ เพิร์ล  ดักลาส เจ เฟท  วิลเลียม เบนเนธ ศูนย์แห่งนี้ได้รับเงินทุนจาก Scaife Foundation  Bradley Foundation และอีกหลายองค์กรที่กล่าวไว้แล้วในต้นของบทความ อีเมอร์ซันโจมตีอิสลามอย่างต่อเนื่องและเตือนให้ชาวอเมริกันระวังภัยคุกคามจากมุสลิม เขากล่าวเปรียบเทียบมัสยิดของชาวมุสลิมว่าเป็นเหมือนม้าไม้แห่งเมืองโทรจัน เขารณรงค์ต่อต้านการสร้างศูนย์อิสลามใกล้ๆกับกราวด์ซีโร่ในมหานครนิวยอร์กและเรียกร้องให้ชาวเมืองเมอร์ฟรีโบโร่ในรัฐเทนเนสซี่ต่อต้านการสร้างมัสยิดในเมืองแห่งนี้

นอกเหนือจากบุคคลข้างต้นแล้ว เครือข่ายแห่งการสร้างกระแสอิสลาโมโฟเบียยังประกอบด้วยบุคคลอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้เป็นนักวิชาการหรือมุสลิมแต่อย่างใด แต่มีภูมิหลังทางชาติพันธ์มาจากตะวันออกกลาง และเป็นอาหรับเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือต่อวาทกรรมที่สร้างความเกลียดชังต่ออิสลาม เช่น ซุฮดี เจซเซอร์ (Zuhdi Jesser) ประธานองค์กรฟอรั่มอิสลามอเมริกันเพื่อประชาธิปไตย (American Islamic Forum for Democracyแม้ซุฮดีดูเหมือนเป็นมุสลิม “สายกลาง” เคลื่อนไหวสนับสนุนแนวแยกการเมืองออกจากอิสลาม และต่อต้านแนวคิดเทวธิปไตย แต่เขาผู้นี้กลับทำงานอย่างหนักในการสร้างความเกลียดต่ออิสลาม รวมทั้งต่อต้านองค์กรสภาความสัมพันธ์อเมริกัน-อิสลาม (Council on American-Islamic Relation-CAIR) ซึ่งเป็นองค์กรมุสลิมแนวหน้าในสหรัฐและเป็นองค์กรมุสลิมของกระแสหลัก  

โดยสรุปแล้ว กระแสอิสลาโมโฟเบียในสหรัฐถูกสร้างและโหมกระพืออย่างเป็นระบบ และที่น่าวิตกก็คือการมุ่งโจมตีอิสลามถูกนำไปใช้เพื่อหวังผลทางการเมือง โดนัลด์ ทรัมพ์ผู้ที่จะได้เป็นตัวแทนของพรรครีพับลิกันได้กล่าวในดีเบทเลือกตัวแทนพรรคครั้งสุดท้ายว่า “ผมคิดว่าอิสลามเกลียดพวกเรา” และย้ำจุดยืนเดิมของเขาที่พูดไว้ก่อนหน้านี้ที่จะห้ามมุสลิมเข้าสหรัฐหากตนได้รับเลือกตัวแทนเป็นประธานาธิบดี

 

รายงานฉบับเต็มสามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่ )

 

ข้อมูลภาพ: ภาพปกรายงาน จาก http://crg.berkeley.edu/content/confronting-fear