Skip to main content

ถอดบทเรียนการบรรยายโดย ดันย้าล อับดุลเลาะ

 

ในประวัติสาสตร์ความขัดแย้งเกือบทั้งโลก สงครามกลางเมืองเกิดจากความขัดแย้งจาก ศาสนา ชาติพันธ์ที่ต่างกัน มีการใช้ศาสนาเป็นทั้งเครื่องมือนารสร้างความชอบธรรมในการใช้ความรุนแรง แต่ในขณะเดียวกันก็มีการใช้ศาสนาในด้านบวก

ในโลกนี้ ใน 4/5 คน มีคนอ้างถึงศาสนา ไม่ว่าศาสนาใดก็ตามอย่างน้อยหนึ่งศาสนา  หมายถึงศาสนายังคงมีความชอบธรรมอยู่

สังคมพหุวัฒนธรรม ไม่ใช่แค่การมีคนต่างกัน ไม่ใช่แค่มีคนต่างศาสนา ไม่ใช่มีคนต่างความคิดมาอยู่ร่วมกัน แต่ต้องมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันและกัน การอยู่รวมกันในพื้นที่เดียวกัน โดยไม่มีการทำความเข้าใจต่อกัน ไม่มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ต่อกันเลย ไม่ใช่สังคมพหุวัฒนธรรม

สันติสุขจะไม่มีวันเกิดขึ้น หากแต่ละศาสนาไม่สัมพันธ์กัน แม้ว่ามนุษย์จะต่างกันในเรื่องความเชื่อทางศาสนา แต่การสัมพันธ์กันของคนในสังคมที่มีคววามเชื่อที่ต่างกันนั้น ไม่ใช่การร่วมกันทางความเชื่อ พิธีกรรมของแต่ละศาสนา แต่หมายถึงในด้านทั่วไปที่ไม่ก้าวก่ายในเรื่องความเชื่อความศรัทธา

เราต้องไม่เหมารวมคนในศาสนาใดๆว่าเป็นผู้ก่อการร้าย เราต้องไม่เหมารวมคนทั้งหมดในความเชื่อใดความเชื่อหนึ่งเป็นเหมือนกัน คิดเหมือน หรือแม้จะกระทำเหมือนกัน ภายในศรัทธาเดียวกันยังคงมีคนที่คิดไม่เหมือน จึงไม่ยุติธรรมที่จะตัดสินเหมารวมคนทุกคนจะเหมือนในมิติอื่นแม้จะมีความเชื่อทางศาสนาที่เหมือนกันก็ตาม

คนในอเมริกา ไม่รู้จักมุสลิม ไม่รู้จักอิสลามแต่รู้จักลุ่มติดอาวุธมุสลิมไม่ว่าจะเป็น กลุ่มอัลกออีดะฮฺ กลุ่มรัฐอิสลาม คนไม่ใช่มุสลิมมักจะคิดถึงความรุนแรงเป็นอันดับแรก เมื่อเขาเหล่านั้นนึกถึงอิสลามและมุสลิมเขามักจะมีมโนภาพเช่นนั้น ทั้งๆที่ นบีมูฮัมมัดอยู่ในสนามรบทั้งชีวิตของท่านแค่ 1 ½ วัน แต่ทำไมคนนึกถึงนบี แล้วนึกถึงนักรบที่ใช้แต่ความรุนแรง ผู้กระหายสงคราม สิ่งมุสลิมทุกคนต้องกลับมาคิดว่าเราต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อทัศคติเหล่านั้นอย่างไรบ้าง

 สถานะของมนุษย์ในทรรศนะของอิสลาม คือคอลีฟะฮฺบนหน้าพื้นแผ่นดิน คือผู้ที่ต้องเป็นแบบอย่างงให้กับคนอื่นๆ คือผู้ที่ต้องแสดงและนำเสนอเจตนารมณ์ของพระเจ้า มนุษย์ทุกคนคือลูกหลานอาดำ มนุษย์ทุกคนเกิดจากพ่อและแม่คนเดียวกัน จากมนุษย์คุ่แรกของโลก มนุษย์ทุกคนคือพี่น้องกัน และที่สำคัญมนุษย์ทุกคนคือบ่าวของอัลลอฮ หน้าที่ของมนุษย์ในทัรรศนะของอิสลามคือ การอิบาดะฮฺ ของอัลลอฮ

Satanic logic คือวิธีคิดที่สูงกว่าเหนือกว่า การที่มีวิธีคิดว่าใครสูงส่งกว่าใคร ใครต้อยต่ำกว่าใคร คือวิธีคิดของชัยฏอน ไม่มีมนุษย์ชาติพันธ์ ประเสริฐไปกว่าใคร ชาวอาหรับไม่ได้สูงส่งไปว่าชาติพันธุ์อื่นในโลกเลย

ทำไมคนถึงกลัวอิสลามและมุสลิมที่ปฏิบัติศาสนากิจ ทำไมคนถึงกลัวการใช้ชีวิตร่วมกันในสังคมกับคนมุสลิม มุสลิมที่น่ากลัว คือมุสลิมไม่ละหมาด มุสลิมที่ไม่มีมัสยิด เนื่องการละหมาดนั้นทำให้คนบริสุทธิ์  คนที่ไม่มีมัสยิดหมายถึงคนที่ไม่ละหมาดคือคนที่ไม่นอบน้อมจำนนตนต่อพระเจ้า

การให้ซากาตไม่ใช่ให้เพราะสงสาร แต่หน่วยซากาตเหล่านั้นคือสิทธิของคนที่มีสิทธิรับ จะต้องได้รับต่างหาก ดังนั้นกาซาตคือหน้าที่ที่มุสลิมต้องชำระซากาตตามที่กำหนดไว้ เนื่องเงินที่ต้องจ่ายซากาตนั้นไม่ใช่สิทธิของเรา แต่เป็นสิทธิของคนที่จะต้องรับกาซาตนั่นเอง

เราจะก้าวข้ามความกลัวอิสลามได้อย่าง

มนุษย์ทุกคนคือพี่น้อง แม้จะมีกำแพงบางอย่างกั้นระหว่างเรา ทำให้เราแตกต่างกัน แต่เราคือพี่น้องกัน

การทำดีเพื่อบ้านเมือง ไม่ใช่แค่จิตอาสา แต่นั่นคือ ฟัรฎู เป็นอิบาดะฮฺ  ทำไมล่ะเวลาเราจะทำดีกับใครสักคนทำไมต้องสนใจด้วยว่าเขานับถือศาสนาอะไร

เหตุการณ์สงครามจะแบ่งน้ำอย่างไร รอซูลไดแบ่งน้ำออกเป็นสองส่วน คือส่วนหนึ่งแบ่งให้มุสลิม ส่วนหนึ่งจะแบ่งให้กับผู้บาดเจ็บ ผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม แม้จะเป็นศัตรูในสนามรบ แต่สถานะของมนุษย์ก็ยังคงอยู่ ความเป็นพี่น้องกันของมนุษย์ แม้ต่างศาสนา ต่างศรัทธา แต่อย่างไรการให้ความช่วยเหลือให้รอดต่อเพื่อนมนุษย์ไม่ได้จำกัดกรอบแค่ต้องช่วยคนในศาสนาเดียวกันเท่านั้น

เราจะมอบอาหารแก่พระ (นักบวช)ได้หรือไม่ คำตอบคือ มีทั้งให้ไมได้ และ ไม่ให้ไมได้  ให้ไมได้คือการให้แบบพิธีกรรม ไม่ให้ไมได้คือ ต้องมอบอาหารให้แก่เขาเพื่อความอยู่รอดปกติ

มุสลิมต้องเลี่ยง Hate speech ในการสื่อสาร และเมื่อเจอคนที่จะโต้แย้งอิสลาม ก็ควรจะเปิดพื้นที่ให้เขาได้แสดงความเห็น  ว่าเขาคิดอย่างไรต่ออิสลาม สงสัยหรือไม่เห็นด้วยในประเด็นของศาสนาอิสลาม

การก้าวข้ามการเกลียดกลัวอิสลาม เราต้องมีแนวร่วมกับคนกลุ่มอื่นๆด้วย เฉกเช่น ธรรมนูญมาดีนะฮฺ

ไม่ว่าใครถูกทำร้าย ถูกทำลายชีวิตและทรัพย์ หน้าที่ของเราคือออกมาปกป้องเขา