Skip to main content

‘อสนียาพร นนทิพากร’

ยุทธการปิดล้อมตรวจค้นสถาบันศึกษาปอเนาะ และโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาในห้วงที่ผ่านมาของหน่วยงานความมั่นคงเป็นการปฏิบัติงานเชิงรุกติดตามจับกุมบุคคลเป้าหมายที่ไปอาศัยกบดานหลบซ่อนตัว ใช้สถาบันปอเนาะเป็นสถานที่ซุกซ่อนอาวุธ ผลการปฏิบัติของฝ่ายความมั่นคงมีการจับกุมตัวบุคคลเป้าหมายมาเข้าสู่กรรมวิธีซักถามขยายผล ตรวจยึดอาวุธปืน เครื่องกระสุน และอุปกรณ์ประกอบระเบิดได้เป็นจำนวนมาก มีการปฏิบัติไปตามขั้นตอน จากเบาไปหาหนักหลีกเลี่ยงการปะทะเพื่อลดการสูญเสียไม่ว่าฝ่ายไหนก็ตามแต่

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้มีการตั้งคำถามจากสังคม เนื่องจากได้มีการชี้นำทางความคิดของบุคคลบางกลุ่มที่ต้องการใช้สถาบันปอเนาะเป็นเกราะกำบังของกลุ่มขบวนการว่าฝ่ายความมั่นคงมีการกลั่นแกล้ง ตั้งใจทำลายสถาบันปอเนาะให้เกิดความเสียหาย เพราะฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐมีการตั้งธงและมีความเชื่อมาโดยตลอดว่าสถาบันปอเนาะ และโรงเรียนเอกชนสอนศาสนากลุ่มขบวนการใช้เป็นแหล่งบ่มเพาะทางความคิดให้กับเยาวชนที่อยู่ในวัยเรียนต่อต้านรัฐ จึงยังคงมี “นักรบรุ่นใหม่” ถูกผลิตออกมาทำการเคลื่อนไหวก่อเหตุเย้ยกฎหมายรัฐบาลไทยมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา

ย้อนกลับไปเมื่อ 27 กรกฎาคม 2557 เจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการพิสูจน์ทราบปอเนาะอัลฮีดายาตุลอิสลามียะห์ (แม่ลาน) บ้านกือลองแตยอ ตำบลม่วงเตี้ย อำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี ในการปฏิบัติการในครั้งนั้นเจ้าหน้าที่ได้สร้างความเข้าใจกับนายยา ดอเลาะ เจ้าของสถาบันปอเนาะ ถึงความจำเป็นในการเข้ามาพิสูจน์ทราบ จนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ จำนวน 1 คน คือ นายบูคอรี ราแดง พร้อมอาวุธปืนพกสั้น จำนวน 1 กระบอก และในการซักถามขยายผล นายบูคอรีฯ ยอมรับว่าเป็นปืนพกของตนเอง ในส่วนความเชื่อมโยงข้อมูลเชิงลึกกับกลุ่มขบวนการ ผกร. เจ้าหน้าที่เก็บไว้เป็นความลับเนื่องจากเกรงมีผลกระทบต่อการกลุ่มเป้าหมายอื่นๆ ที่ได้มีการซัดทอด

วันที่ 9 มกราคม 2558 เจ้าหน้าที่ได้ติดตามจับกุมผู้ต้องสงสัยและเกิดเหตุปะทะภายในบริเวณปอเนาะยุวอิสลามวิทยามูลนิธิ (น้ำใส) บ้านน้ำใส ตำบลลุโบ๊ะยือไร อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี ส่งผลให้ผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิตในที่เกิดเหตุจากการปะทะ จำนวน 3 คน หลบหนีไปได้ 2 คน จับกุมผู้ต้องสงสัย 3 คน นำตัวเข้าสู่กรรมวิธีซักถามขยายผล ตรวจยึดอาวุธปืนสงคราม จำนวน 2 กระบอก อาวุธปืนพกสั้น 3 กระบอก ระเบิดชนิดขว้าง 2 ลูก

เหตุการณ์ล่าสุดเจ้าหน้าที่ทำการตรวจค้นสถาบันปอเนาะนัฮฎอตุลอุลูมิดีนียะฮ์ ซึ่งตั้งอยู่หมู่ที่ 5 บ้านอาโห ตำบลสะดาวา อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 18, 19 กุมภาพันธ์ 2558 ตรวจพบอาวุธสงคราม อุปกรณ์ประกอบระเบิด หมวกแก๊ปเจ้าหน้าที่อีโอดี และอื่นๆ อีก 95 รายการ

พลตรี พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ผู้บังคับหน่วยกองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในฐานะผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วม ช่วยส่วนรวม กับภารกิจตรวจค้นสถาบันปอเนาะนัฮฎอตุลอุลูมิดีนียะฮ์หรือปอเนาะประตูช้าง ในวันดังกล่าวได้ออกมาเปิดเผยขั้นตอนการตรวจค้นดังกล่าวว่า

เมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2558 สืบเนื่องมาจากได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า นายอับดุลเลาะ สาแม บุคคลเป้าหมาย ป.วิอาญา ได้เข้ามาหลบซ่อนพักพิงภายในสถาบันปอเนาะ นัฮฎอตุลอุลูมิดีนียะฮ์ (ปอเนาะประตูช้าง) หน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วม ช่วยส่วนรวม และหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 22 จึงได้เข้าติดตามจับกุมและบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งบุคคลเป้าหมายอาจจะไหวตัวทันได้ทำการหลบหนีไปก่อนที่เจ้าหน้าที่เข้าทำการติดตามจับกุม

และในวันต่อมาได้มีการตรวจค้นเพิ่มเติม เพื่อทำการขยายผลพิสูจน์ทราบแหล่งซุกซ่อนอาวุธปืนและอุปกรณ์ประกอบระเบิด (เพิ่มเติม) จำนวน 8 จุด ภายในปอเนาะ 4 จุด ภายนอกปอเนาะ 4 จุด จนสามารถตรวจยึดอาวุธปืน AK-102 จำนวน 2 กระบอก และตรวจยึดสิ่งของต้องสงสัยจำนวนทั้งสิ้น 95 รายการ ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยจำนวน 8 คน หลังดำเนินการซักถามหาข้อเท็จจริงได้ปล่อยตัวไป 5 คน และได้ออกหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 3 คน

ของกลางทั้งหมดที่ทำการตรวจยึดเจ้าหน้าที่ได้นำส่งไปยังศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 เพื่อทำการพิสูจน์หาหลักฐานความเชื่อมโยงทางวิทยาศาสตร์ ผลการตรวจสอบสิ่งของและอาวุธปืนที่ตรวจยึดได้พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความรุนแรงและปัญหาความมั่นคงในพื้นที่ดังนี้

หมวกแก๊ปเจ้าหน้าที่ EOD ซึ่งมีรหัสประจำหมวกพบว่าเป็นหมวกของ จ.ส.ต.ณรงค์ศักดิ์ เกตุแดง ซึ่งได้สูญหายจากเหตุ นางเบญจพร เกื้อตุ้ง ภรรยา ถูกลอบยิงและถูกเผาเสียชีวิต คนร้ายได้แย่งชิงรถยนต์ไปด้วย (หมวกแก๊ปอยู่ภายในรถยนต์คันดังกล่าว) เหตุเกิดเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2558 และเมื่อ 10  กุมภาพันธ์ 2558 ได้ตรวจพบรถยนต์ในพื้นที่อำเภอเมืองปัตตานี

ส่วนอาวุธปืน AK-102 จำนวน 2 กระบอก ผลการตรวจสอบที่มา กระบอกที่ 1 หมายเลขปืน 101162410 แย่งชิงมาจากเหตุลอบยิงเจ้าหน้าที่ อส.อำเภอยะหริ่ง เสียชีวิต 3 นาย เหตุเกิดเมื่อ 8 ตุลาคม 2555 และเคยใช้ก่อเหตุมาแล้ว 3 ครั้ง

อาวุธปืน AK-102  กระบอกที่ 2 หมายเลขปืน 1011622573 แย่งชิงจากเหตุลอบยิง อส.ซุลกิฟลี ตาเฮ เจ้าหน้าที่ อส.อำเภอเมืองปัตตานี เสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อ 23 เมษายน 2555 เคยก่อเหตุมาแล้ว 5 ครั้ง

ผลการดำเนินกรรมวิธีซักถามผู้ต้องสงสัย นายอับดุลเล๊าะ สตาปอ ได้ให้การว่า นายซอบือรี เจะหะ ผู้ก่อเหตุรุนแรงหัวหน้าชุดปฏิบัติการ RKK มาหลบซ่อนตัวภายในห้องพักของนายมะ (ไม่ทราบชื่อ/สกุลจริง) ภายในปอเนาะประตูช้าง

นายอับดุลเล๊าะ สตาปอ และนายมะรอยี  เจะสะมาแอ ได้ยืนยันตรงกันว่าเคยพบเห็น นายอับดุลเลาะ สาแม มาซื้อของใช้ส่วนตัวในร้านสหกรณ์ปอเนาะ และหลบซ่อนตัวพักอาศัยภายในปอเนาะ ส่วนนายสับรี  บาเหะ เหะ ยอมรับสารภาพว่ากล้องเล็งปืนเป็นของตนจริง แต่ถูกขโมยไป และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปอเนาะแต่อย่างใด

ในการปฏิบัติการในครั้งนี้ พลตรี พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ผู้บังคับหน่วยกองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้บัญชาการอยู่ในเหตุการณ์โดยตลอดพร้อมกับ “บาบอมะรอบี” โต๊ะครูสถาบันปอเนาะนัฮฎอตุลอุลูมิดีนียะฮ์

แต่เหตุการณ์หลังจากนั้นเมื่อ 20 มีนาคม 2558 “บาบอมะรอบี” โต๊ะครูสถาบันปอเนาะนัฮฎอตุลอุลูมิดีนียะฮ์ได้ให้สัมภาษณ์ นสพ.ผู้จัดการออนไลน์ภาคใต้ ASTV โดยมีการกล่าวถึงการปิดล้อมตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ในประเด็นต่างๆ ซึ่งสื่อมวลชนได้นำมาเขียนข่าวทำการขยายผล และสำนักข่าวอิศราได้มีการนำเสนอข่าวในเชิงกระแหนะกระแหนพร้อมกล่าวว่าได้กลายเป็นผลงานชิ้นโบแดงสะท้อนความสำเร็จของฝ่ายความมั่นคง โดยเป็นเพียงข้อมูลด้านเดียวซึ่งเจ้าหน้าที่เป็นผู้เปิดเผย และอยากฟังความข้างโต๊ะครู

“บาบอมะรอบี” กล่าวถึงการตรวจยึดอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ซึ่งมีข่าวออกไปว่าอยู่ภายในปอเนาะ ซึ่งในความเป็นจริงอยู่ภายนอกปอเนาะ เจ้าหน้าที่ยังได้ให้ตนไปชี้ภาพหมวกแก๊ปซึ่งได้มีการตรวจค้นเจอในที่พักของนักเรียนปอเนาะ แล้วทำการบันทึกถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐาน ส่วนอาวุธปืนอาก้า 2 กระบอก ก็เช่นเดียวกันให้ตนไปยืนชี้ในจุดที่ตรวจพบแล้วทำการถ่ายภาพ ทั้งๆ ที่อาวุธปืนดังกล่าวไม่ได้อยู่ในบริเวณปอเนาะแต่อย่างใด

ส่วนประเด็นสุดท้ายที่ “บาบอมะรอบี” ได้กล่าวถึงคือเจ้าหน้าที่มีการใช้คำหยาบคายกล่าวหาตนเองว่าเป็นคนไทยได้อย่างไรแต่พูดไทยไม่ชัด

ซึ่งในเวลาต่อมา พลตรี พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ผู้บังคับหน่วยกองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ออกมากล่าวถึงประเด็นที่ “บาบอมะรอบี” ได้ให้สัมภาษณ์สื่ออาจจะเป็นการเข้าใจผิด หน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วม ช่วยส่วนรวม ที่ได้เข้าทำการติดตามจับกุมและบังคับใช้กฎหมาย ไม่เคยออกมาให้ข่าวว่าอาวุธปืนที่ตรวจยึดได้อยู่ภายในปอเนาะ

พื้นที่บริเวณสถาบันปอเนาะ นัฮฎอตุลอุลูมิดีนียะฮ์ (ปอเนาะประตูช้าง) มีการสร้างกำแพงเฉพาะบริเวณด้านหน้าเพียงอย่างเดียว ส่วนพื้นที่ด้านข้างและด้านหลังไม่มีรั้วกำแพงกั้น และจากการตรวจค้น 2 วัน 8 จุดเจ้าหน้าที่ได้ตรวจเจออาวุธปืนภายนอกปอเนาะซึ่งมีพื้นที่เชื่อมต่อถึงกัน

กรณีการตรวจค้นเจอหมวกแก๊ปเจ้าหน้าที่ EOD เนื่องจากหมวกใบดังกล่าวอยู่ในห้องพักนักเรียนและอยู่ในเขตปอเนาะ ซึ่ง“บาบอมะรอบี”เป็นเจ้าของสถานที่เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นจะต้องถ่ายภาพเป็นไว้หลักฐาน

ส่วนการตรวจค้นเจออาวุธปืนบริเวณกรงนกแล้วมีการถ่ายภาพดังกล่าว วัตถุประสงค์ของเจ้าหน้าที่เพียงเพื่อให้“บาบอมะรอบี”เป็นพยาน หรือ“ผู้นำตรวจ” เท่านั้นไม่ใช่เป็น“ผู้ครอบครอง”

ขอยืนยันว่าไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดใช้วาจาไม่สุภาพกับ“บาบอมะรอบี”เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจที่มาปฏิบัติหน้าที่ส่วนใหญ่ต่างทราบรูปแบบการทำงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะความอ่อนไหวทางด้านศาสนา วิถีชีวิต ขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมประจำถิ่น หากมีความผิดพลาดไปอาจจะเป็นเงื่อนไขให้กับแนวร่วมขบวนการ องค์กรภาคประชาสังคม และกลุ่ม NGOs นำไปทำการขยายผลสร้างภาพเชิงลบให้กับเจ้าหน้าที่…และเป็นประเด็นเงื่อนไขในการต่อสู้ต่อกรกับภาครัฐ