Skip to main content
ตีพิมพ์ครั้งแรกใน http://www.thaingo.org/thaingo/node/3048
โดย อุสตาซอับดุชชะกูร์ บินชาฟิอีย์ ดินอะ (อับดุลสุโก ดินอะ)
[email protected]         

ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีเสมอ มวลการสรรเสริญเป็นกรรมสิทธิ์พระองค์ผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขจงมีแด่ศาสนฑูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีแด่ผู้อ่านทุกคน

จากการรายงานของสื่อทั่วโลกถึงเหตุกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนอาก้า โจมตีสำนักงานของ "ชาร์ลี เฮบโด" หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์จอมเสียดสีของฝรั่งเศส ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 ราย

หรือการสังหารตัวประกันญี่ปุ่น 2 คนและเผานักบินจอร์แดนทั้งเป็นในกรงเหล็กของกลุ่มISและปฏิบัติการอื่นๆที่ผิดหลักมนุษยธรรมของมุสลิมในที่ต่างๆสื่อโลกตะวันตกจะประณามผู้ก่อเหตุ จะโจมตีว่ามุสลิมก่อการร้ายซึ่งตามหลักอิสลามก็ไม่ได้สนับสนุนซ้ำยังประณามการกระทำดังกล่าวตลอดมา

โดยเฉพาะแถลงการณ์ของสหภาพนักปราชญ์มุสลิมนานาชาติ (IAMS)

(โปรดดู https://www.facebook.com/iumsonline, http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1423753301, http://www.deepsouthwatch.org/node/6658)

เหตุการณ์เหล่านี้ ทำให้กระแสการวาดกลัวอิสลามและมุสลิมอย่างเหมารวมในยุโรป อเมริกา และทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยรุนแรงเพิ่มขึ้น

ล่าสุดวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มือปืนอเมริกันกราดยิงมุสลิมผู้บรืสุทธิ์เสียชีวิตไป 3 รายในมลรัฐนอร์ทแคโรไลนา อเมริกา

เอเอฟพีรายงานว่า – วานนี้ (12 ก.พ.) ครอบครัวของหนุ่มสาวชาวมุสลิม 3 คนที่ถูกเพื่อนบ้านกราดยิงเสียชีวิตในสหรัฐฯ ได้กล่าวร่ำลาผู้เสียชีวิตในสภาพน้ำตานองหน้า พร้อมกับกำชับให้ทางการสืบสวนเหตุสังหารหมู่ครั้งนี้ โดยถือเป็นการก่ออาชญากรรมจากความเกลียดชัง

ประชาชนกว่า 5,000 คนหลั่งไหลไปร่วมไว้อาลัย ดีอาห์ ชาดดี บารากัต นักศึกษาชายวัย 23 ปี และ ยูซอร์ โมฮัมหมัด อาบู-ซัลฮา ภรรยาหมาดๆ วัย 21 ตลอดจนน้องสาวของเธอชื่อ ราซัน โมฮัมหมัด อาบู-ซัลฮา วัย 19 ปี ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของสหรัฐฯ ระบุว่า ถูกเพื่อนบ้านคนหนึ่งสังหารในเมืองแชเปิลฮิลล์ มลรัฐนอร์ทแคโรไลนา

ทั้งนี้ เชื่อกันว่า เครก สตีเฟน ฮิกส์ วัย 46 ปี ผู้ต้องหาในคดีกราดยิงครั้งนี้ มีจุดยืนต่อต้านศาสนาอย่างรุนแรง เนื่องจากเขาเคยโพสต์ข้อความโจมตีศาสนาผ่านทางเฟซบุ๊กอยู่บ่อยครั้ง รวมทั้งใช้ถ้อยคำประณามศาสนาคริสต์ ลัทธิมอร์มอน และศาสนาอิสลาม

ตำรวจสหรัฐฯ ระบุว่า ได้สืบสวนเหตุกราดยิงเมื่อวันอังคาร (10) โดยสันนิษฐานว่ามีชนวนขัดแย้งมาจากการแย่งที่จอดรถ แต่ครอบครัวของเหยื่อผู้เสียชีวิตปักใจเชื่อว่า ผู้ก่อเหตุมีแรงจูงใจมาจากความเกลียดชังศาสนา

ในขณะที่สำนักงานสืบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ระบุว่า ได้เปิดฉากสอบสวนคดีฆาตกรรมควบคู่กับตำรวจสหรัฐฯ ทั้งนี้อัยการกลางมักเข้าตรวจสอบคดี ที่ต้องสงสัยว่ามีแรงจูงใจจากความเกลียดชังอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งหากพิสูจน์ได้จริงว่าผู้ต้องหาก่ออาชญากรรม โดยมีความรู้สึกเกลียดชังเหยื่อเป็นแรงกระตุ้น ก็ย่อมได้รับโทษร้ายแรงยิ่งขึ้นไปอีกโมฮัมหมัด อาบู-ซัลฮา พ่อของเด็กสาวที่เสียชีวิต 2 คนยืนกรานว่า “เราแน่ใจว่าลูกสาวของเราถูกทำร้าย” เพราะความเกลียดชังศาสนา

“เด็กๆ พวกนี้ถูกยิงเข้าที่ท้ายทอย ฉะนั้นเรื่องนี้ไม่ได้เกิดจากการแย่งที่จอดรถกันแน่นอน” เขากล่าว ขณะถูกรายล้อมด้วยสมาชิกครอบครัวที่กำลังร่ำไห้ ก่อนจะเตรียมละหมาดครั้งสุดท้าย

เขาเล่าว่า ก่อนหน้านี้ ยูซอร์ ลูกสาวของเขาเคยบ่นว่า ฮิกส์ข่มขู่เธอ ด้วยการมาเคาะประตูบ่นเรื่องที่จอดรถ พร้อมทั้งเหน็บปืนไว้ที่เอวThree Killed North Carolina ชาวบ้านบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ฮิกส์เป็นพวกชอบก่อปัญหา เขาชอบชวนเพื่อนบ้านทะเลาะเรื่องที่จอดรถ และพกปืนในที่สาธารณะอยู่บ่อยครั้ง ทั้งนี้ตามรายงานของสื่อในท้องที่ ทั้งนี้ ในหมู่ประชากร 9.9 ล้านคน ในมลรัฐนอร์ทแคโรไลนานั้นเป็นผู้นับถือศาสนาอิสลามราว 65,000 คน และชาวมุสลิมส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเมืองแชเปิลฮิลล์

เหตุสังหารครั้งนี้ได้จุดประกายให้ชาวมุสลิมทั่วโลกพากันโกรธแค้น และพร้อมใจกันประณามผู้ก่อเหตุผ่านทวิตเตอร์ โดยแนบแฮชแท็ก ‪#‎ChapelHillShooting และ ‪#‎MuslimLivesMatter

โมฮัมหมัด อาบู-ซัลฮา พ่อของผู้ตาย ต่อต้านการที่สื่อบิดเบือนภาพลักษณ์ของชาวมุสลิม และชี้ว่า หนุ่มสาวที่ถูกฆ่า และกำลังใจที่พวกเขาได้รับนั้นเป็นตัวอย่างที่ดีของแรงศรัทธา“ศาสนาอิสลามไม่ได้เป็นอย่างที่คุณได้ยินจากสื่อ ไม่เหมือนในภาพยนตร์ ‘อเมริกันสไนเปอร์’ ” เขาระบุถึงหนังฮอลลีวูดที่ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตพลแม่นปืนหน่วยซีล ของกองทัพแดนอินทรี ที่ปลิดชีพพวกหัวรุนแรงอิสลามิสต์ในสงครามอิรัก

(ที่มา http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx…

https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=771326509623552&id=454530064636533)

เป็นที่น่าสังเกตว่าผู้นำโลกทั้งโอบามาของอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส และสื่อตะวันตกมิได้ว่าเหตุการครั้งนี้เป็นการก่อการร้าย มิได้ออกมาแสดงพลังการประณามหรือเรียกร้องหยุดการยั่วยุให้เกลียดชังมุสลิม

ดังนั้นเหตุการณ์ครั้งนี้หรือหลายครั้งที่ผ่านมาผู้นำโลกและสื่อโลกตะวันตกมิได้ให้ความยุติธรรมในการวางตัวซึ่งมันจะเชื้อไฟอย่างดีที่กลุ่มแนวคิดสุดโต่งอ้างความชอบธรรมในการตอบโต้ตะวันตกและจะยิ่ง เพิ่มอุณหภูมิความขัดแย้งในโลกปี 2015 ระหว่างแนวคิดสุดโต่งกับพันธมิตรตะวันตก

มุสลิมหรือมิใช้มุสลิมควรหันมาหยุดการก่อความเสียหายและความหายนะต่อสังคมโลกซึ่ง อัลลอฮฺได้ดำรัสความว่า :"เมื่อได้มีการกล่าวแก่พวกเขาว่า "จงอย่าก่อความเสียหายบนหน้าแผ่นดิน" พวกเขากล่าวว่า "เปล่า เราเพียงแต่ต้องการแก้ไขสิ่งต่างๆ ต่างหาก" แท้จริง พวกเขาคือผู้สร้างความเสียหาย แต่พวกเขาหาได้ตระหนักไม่" (อัลบากอเราะฮฺ:11-12) 

 

https://www.facebook.com/454530064636533/photos/a.588645071225031.107374...