Skip to main content
โดย อุสตาซอับดุชชะกูร์ บินชาฟิอีย์ ดินอะ (อับดุลสุโก ดินอะ)
[email protected]         

ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีเสมอ มวลการสรรเสริญเป็นกรรมสิทธิ์พระองค์ผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขจงมีแด่ศาสนฑูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีแด่ผู้อ่านทุกคน

อินนาลิลลาฮีวาอินนาอีลัยฮีรอญีอูน.. (แท้จริงเราเป็นกรรมสิทธิของอัลลอฮฺและเราก็กลับไปหาสู่พระองค์ ) ตวนฆูรู นิคอับดุลอาซีส บินนิคมัต อูลามาอ์ (ปราชญ์อิสลามศึกษาท่านสำคัญแห่งโลกมลายูและมุขมนตรีแห่งรัฐกลันตัน ได้กลับคืนสู่พระเมตตาธิคุณแห่งเอกองค์อัลลอฮฺฯ แล้ว เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2558 เวลาราว 21.30 น. ของค่ำวันศุกร์ที่ผ่านมา ด้วยอายุ 84 ปี ในขณะเวลา 10.00 น. ของวันถัดมา ผู้คนนับหมื่น ละหมาดศพท่าน ณ  masjid Pulau Melaka และนับล้านติดตามการถ่ายทอดสดเช่นผ่าน https://www.youtube.com/watch?v=i9s0gHJd_3Y และ http://www.kelantantv.my/v1/

  

ท่านเป็นผู้นำจิตวิญญานของพรรคอิสลามมาเลเซีย (PAS) และเป็นมุขมนตรีแห่งรัฐกลันตัน ถึงแม้ท่านจะมีตำแหน่งทางการเมืองแต่ท่านก็ไม่ละทิ้งการสอนศาสนาแก่ประชาชนจนได้รับการยกย่องว่าเป็นปราชญ์ด้านอิสลามศึกษาในโลกมลายู(ดูตัวอย่างการสอนศาสนาของท่านได้ใน https://www.youtube.com/watch?v=wbhmwIQkxuw)

จนปี 2009 ท่านได้ถูกจัดอันดับ42/500 ของผู้นำมุสลิมที่มีอิทธิพลต่อประชาชาติ  ในขณะด้านการเมืองท่านนำหลักคุณธรรม จริยธรรมในการดำเนินนโยบายและพัฒนารัฐกลันตัน

เป็นที่ทราบกันดีว่า “กลันตัน” เป็นหนึ่งใน 13 รัฐของประเทศมาเลเซีย ทางตอนเหนือของประเทศ แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 10 อำเภอ มีประชากรราว 5 แสนคน  เป็นเมืองที่ปราศจากอบายมุขพื้นที่ของรัฐจรดพรมแดนไทยด้านจังหวัดนราธิวาส ขณะที่ “นครโกตาบารู” ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐ อยู่ห่างจากอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เพียง 25 กิโลเมตร และห่างจากอำเภอสุไหง-โกลก จังหวัดนราธิวาสเพียง 45 กิโลเมตรเท่านั้น

ท่านเคยให้ทัศนะเรื่องไฟใต้ว่า “ทุกการกระทำในโลกนี้มีทั้งสิ่งที่เป็นข้อควรกระทำและสิ่งที่เป็นข้อห้าม สิ่งที่ควรกระทำคือการพูดความจริง มีความยุติธรรม มีความรักต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ส่วนการทำร้ายผู้อื่น การฆ่าแกงกัน การติดยาเสพติด การลักเล็กขโมยน้อย นั่นคือสิ่งต้องห้าม เพราะฉะนั้นเราอย่าคิดที่จะกระทำการสิ่งใดตามใจเราเอง และให้นึกอยู่เสมอว่าเรานั้นเป็นบ่าวของพระองค์…การแก้ปัญหาความไม่สงบควรมี “คนกลาง” เป็นผู้เจรจาไกล่เกลี่ย เพราะสันติสุขไม่ใช่ได้มาด้วยการสู้รบหรืออาวุธ และกระสุนปืนไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา...การปลดชนวนปัญหาที่แท้จริงต้องมาจากสมอง ผมไม่เคยเรียกร้องเอกราชให้รัฐกลันตัน แต่ผมใช้สมองและความคิด เราทุกคนเป็นบ่าวของพระผู้เป็นเจ้า อิสลามไม่เคยพูดถึงชนชาติ ผมเองเป็นชนชาติมลายู แต่ทุกชนชาติ ไม่ว่าจะเป็นพุทธ คริสต์ จีน หรืออิสลาม ต่างก็เป็นบ่าวของอัลลอฮ์ และมีบรรพบุรุษเดียวกันคือ อาดัม เมื่อเรามีบรรพบุรุษคนเดียวกัน ทำไมต้องมารบราฆ่าฟันกัน ตราบใดที่มีการสู้รบกัน ปัญหาต่างๆ ก็ไม่มีทางยุติลงได้…การบิดเบือนหลักคำสอนของศาสนานั้น เป็นเรื่องไม่สมควร จริงๆ แล้วอิสลามไม่เคยส่งเสริมหรือสนับสนุนในเรื่องของการรบราฆ่าฟัน แต่อิสลามส่งเสริมให้มนุษย์เผยแผ่หลักคำสอนของศาสนา การจะยุติสถานการณ์ในพื้นที่ลงได้ ต้องมาจากการที่ทุกฝ่ายยอมกัน หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดยังต้องการใช้ความรุนแรง โอกาสที่จะยุติสถานการณ์คงยาก ฉะนั้นหากหาคนกลางที่น่าเชื่อถือมาเปิดการเจรจา สถานการณ์ต่างๆ ก็น่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ”

โปรดดู http://www.isranews.org/south-news/documentary/item/1811-2010-06-19-07-27-57.html

ในสื่อออนไลน์ เฟสบุค ยูทูป ไลน์  หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ ทั้งมาเลเซีย ชายแดนใต้ไทย  โลกมุสลิม ได้แสดงความเสียใจต่อการสูญเสียบุคคลสำคัญที่เป็นเเบบอย่างทั้งทางด้านการศึกษาเเละในงานฟื้นฟูสังคมมุสลิมและต่างศาสนิกในครั้งนี้ ขออัลลอฮฺเมตตาท่าน ขอพระองค์ทรงโปรดปรานผลงานของท่านด้วยเถิด..อามีน

ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าโลกมลายูได้สูญเสียปราชญ์อิสลามศึกษาและนักการเมืองผู้มีจรรยางาม