Skip to main content

 

#กลุ่มคนรักร่วมเพศ

#จุดยืนของคำสอนอิสลาม

 

ชายรักร่วมเพศ (Homosexuality) และหญิงรักร่วมเพศ (lesbianism) ถูกเรียกกันว่า “ทางเลือกใหม่ของการใช้ชีวิต”(alternative life-styles) “ความชอบส่วนบุคคล” (personal preference) “การเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ”(a natural variation) ฯลฯ ... แต่ก่อนวงการแพทย์ในโลกตะวันตกเคยถือว่า การรักร่วมเพศเป็นโรคอย่างหนึ่ง แต่ปัจจุบันได้ถูกลบออกจากรายการของโรค และถูกแทนที่ด้วยคำว่า homophobia (การรังเกียจคนรักร่วมเพศและการรักร่วมเพศ) มาถือเป็นโรคแทน (หมายความว่า คนที่ไม่ชอบกระเทย เลสเบี้ยน กลายมาเป็นคนผิดปกติแทน ) ... ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้อิสลามและมุสลิมถูกนับว่าเป็นพวกขาดความอดกลั้นหรือมีอคติเนื่องจากการต่อต้านรักร่วมเพศที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง

เริ่มต้นควรตั้งข้อสังเกตไว้ว่าอิสลามไม่ได้เป็นศาสนาเดียวที่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว ข้อความในคัมภีร์เตารอต เต็มไปด้วยการประณามอย่างชัดเจนของการประพฤติเช่นนั้น (ในคำสอนอิสลามนั้น ต่อต้านการผิดประเวณีอย่างรุนแรง และรุนแรงยิ่งขึ้นเมื่อเกิดขึ้นระหว่างชายกับชาย โดยพื้นฐานแล้ว อิสลามไม่ยอมรับการเลียนแบบพฤติกรรมเพศตรงข้าม อย่างไรก็ตาม หากผู้ที่มีความรู้สึกรักชอบเพศเดียวกัน และไม่ได้ละเมิดกฏชะรีอะฮฺข้อใดและเขาปกปิดเรื่องนี้ไว้ พร้อมขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺ ก็ถือว่าไม่ได้มีความผิดใดๆ )

อิสลามถือว่าการรักร่วมเพศเป็นผลจากการเลือก(และถือเป็นการเบี่ยงเบน) ... ความเบี่ยงเบนสามารถเกิดขึ้นในตัวมนุษย์ในรูปแบบต่างๆ ทั้งตามธรรมชาติและฝืนธรรมชาติ จากการผิดศีลธรรมทางเพศ จนถึงข่มขืนกระทำชำเรา จากการร่วมเพศกับศพถึงการร่วมเพศกับสัตว์ แนวโน้มเหล่านี้อาจมาจากการชักจูงของมารร้าย อิทธิพลของสื่อ หรือจากการล่อลวงโดยตรงของผู้คน ... นักวิทยาศาสตร์บางคนอ้างว่าการฆาตกรรมเป็นสิ่งที่เกิดจากต้นเหตุทางพันธุกรรม การที่จะยอมรับเช่นนั้นหมายถึงการให้ข้ออ้างสำหรับฆาตกรและถือว่าการฆาตกรรมนั้นเป็นเรื่องที่ให้อภัยได้กระนั้นหรือ?

อิสลามสอนให้พ่อแม่แยกลูกๆ ให้นอนคนละเตียงกัน เมื่อพวกเขามีอายุ 10 ปีเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้มีประสบการณ์ทางเพศ ซึ่งอาจเกิดจากการอยากทดลองของเด็กประสบการณ์ทางเพศเช่นนี้อาจมาจากคนที่รู้จักมักคุ้นกันในโรงเรียน และจากการกระทำของพวกผู้ใหญ่..... นอกจากนั้น การทำให้เพศชายหญิงมีลักษณะที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนได้รับการกระทำอย่างเข้มงวดในคำสอนของศาสนาอิสลาม ท่านนบีได้ประณามว่าเป็นผู้ห่างไกลจากความเมตตาต่อผู้ชายที่เลียนแบบผู้หญิงและผู้หญิงที่เลียนแบบผู้ชาย

ทุกวันนี้อุตสาหกรรมแฟชั่นของโลกตะวันตกถูกควบคุมโดยพวกรักร่วมเพศผู้ซึ่งพยายามที่จะลืมเลือนการแบ่งแยกระหว่างชายและหญิง เพื่อที่จะทำให้พฤติกรรมของพวกเขาเป็นที่ยอมรับมากขึ้น ผลที่ตามมาคือแฟชั่นของผู้ชายกระเดียดไปทางเพศหญิงในสไตล์และสีสัน และผู้หญิงในปัจจุบันสวมใส่สูทสามชั้นผูกเนคไท สวมหมวกและสวมรองเท้าแบบของผู้ชาย ... การแบ่งแยกนี้อาจแตกต่างกันไปตามสังคมแต่ละสังคม ตัวอย่างเช่น ในสก็อตแลนด์ผู้ชายสวมชุดเสื้อผ้ายาวเพียงเข่าที่เรียกว่า “kilts” ในสก็อตแลนด์จะไม่ถือว่าเป็นการเลียนแบบเพศหญิง แต่ในสังคมที่ซึ่งผู้หญิงเท่านั้นสวมชุดดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นการเลียนแบบ

การแก้ปัญหานี้สำหรับอิสลามคือการใส่ใจด้วยการให้ความเป็นผู้ชายและความเป็นผู้หญิงได้รับการดูแลให้งอกงามขึ้นมาตามธรรมชาติที่ดีงาม

 

......................................................

ดร. อบู อามีนะฮฺ บิลาล ฟิลิปส์ เขียน

อัช ชิฟาอ์ เรียบเรียง