Skip to main content

 

 

หยุดทำร้ายพลเรือนเพราะคุณกำลังทำร้ายอนาคต

เหตุระเบิดที่ บิ๊กซี เมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา เป็น “ระเบิดแฝด” กดลูกแรกเพื่อ “ล่อ” ให้คนออกมานอกอาคาร จากนั้นจึงใช้คาร์บอมบ์ถล่มซ้ำตรงลานจอดรถอีกลูก ถือว่า “เหี้ยมโหด” จงใจทำร้ายประชาชน เจ็บกันไป 80 กว่าคน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก#HRW บอกว่า อาจถึงขั้นเป็น “อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ” crime against humanity ซึ่งร้ายแรงเพราะเป็น “ความผิดระดับสากล” แบบที่ไต่สวนกันในศาล ICC นั่นเอง 
.
นับเป็นเรื่องน่าเศร้าสลดหดหู่ที่เกิดขึ้นซ้ำซาก ที่ฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบเลือกทำร้ายพลเรือนในพื้นที่สาธารณะ ทั้งเสียความชอบธรรมและห่างไกลจากเป้าหมายทางการเมืองมากยิ่งขึ้น
.
#ระเบิดจะทำให้ชีวิตผู้คนเปลี่ยนไปส่งผลถึงคนรุ่นต่อไปในอนาคต เช่นเดียวกับเหตุระเบิดหลายจุดในเมืองปัตตานีและรอบนอก เมื่อวันที่ 24 พ.ค.2557 ซึ่งรุนแรงถึงขั้นทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง
.
เช่น 'รอฮีหม๊ะ สิเดะ' (ผู้หญิงในภาพนี้) เป็นหนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดครั้งนั้นที่พุ่งเป้าไปที่ร้านสะดวกซื้อหลายสาขาและระเบิดเสาไฟฟ้าอีกหลายแห่งจนทำให้ไฟฟ้าดับหลายพื้นที่ ขณะที่ในจำนวนผู้เสียชีวิตในวันเกิดเหตุ 3 คน ลูกชายของรอฮีหม๊ะ เป็นหนึ่งในนั้น
.
ลูกชายและลูกสาวที่อยู่ในเกิดเหตุด้วยก็ช็อคเสียขวัญกลายเป็นโรคซึมเศร้า สามีที่บาดเจ็บ ณ วันนั้นก็เสียชีวิตในปีต่อมา "ระเบิดในพื้นที่สาธารณะ" มักส่งผลกระทบต่อชีวิตชาวบ้านอย่างโหดร้าย
.
นึกไม่ออกว่าความสูญเสียผลกระทบกับ 80 ชีวิตจากเหตุระเบิดครั้งนี้จะเปลี่ยนชีวิตพวกเขาไปในทิศทางใด

#หยุดทำร้ายพลเรือน
#สร้างพื้นที่ปลอดภัย
หลัง รอย ยิ้ม : เรื่องเล่าพลิกฟื้นตัวตนและชุมชนชายแดนใต้
.
#พบกับนิทรรศการภาพ "#หลังรอยยิ้ม" เพื่อเรียนรู้ความเป็นมนุษย์ของผู้คนในพื้นที่ความขัดแย้งถึงตายชายแดนใต้ ถ้าเข้าใจความเจ็บปวดจะเข้าใจเราขัดแย้งเรื่องใดกันอยู่ ณ Makhampom Art Spaceเชียงดาว เดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2560