Skip to main content

 

อามานะห์สุดท้าย จากผู้พิทักษ์ “มัสยิดอักซอ”

หะซัน อิฆดิรลี ทหารองครักษ์พิทักษ์มัสยิดอักซอคนสุดท้าย ประวัติศาสตร์แห่งความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ของนายทหารกองทัพออตโตมาน

 

 

แปลและเรียบเรียงจากเรื่องจริง โดย :  ดร.ฆอซาลี เบ็ญหมัด (Ghazali Benmad)

เขียนโดย : ศอลิห์ กูเลน นักวิชาการชาวตุรกี

เผยแพร่ในวารสาร หิรออ์   http://hiramagazine.com ฉบับที่ 20 

 

ในปี 1972  อิลฮาน บัรดักญี นักข่าวตุรกี ได้มีโอกาสไปเยือนเมืองอัลกุดส์พร้อมกับกลุ่มนักการเมืองและนักธุรกิจตุรกี มีการนำไปเยี่ยมชมสถานที่สำคัญๆในเมือง รวมถึงมัสยิดอักซอ

อิลฮาน บัรดักญี เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นว่า

“ในลานที่เรียกขานกันว่า ลานเทียนไข 12,000 แท่ง จากการที่สุลตานสะลีมที่ 1 ทำการจุดเทียนไข จำนวนดังกล่าว เพื่อเป็นแสงสว่างในมัสยิดให้ทหารกองทัพออตโตมานได้ละหมาดอีชาในวันปลดปล่อยเมืองอัลกุดส์จากกองทัพครูเสดได้สำเร็จ ข้าพเจ้าเห็นชายชราอายุ 90 กว่าปี ในชุดทหารเก่าๆขาดๆ มีแต่รอยปะชุน ยืนอยู่อย่างองอาจผึ่งผาย ท่ามกลางความร้อนของดวงอาทิตย์ที่แผดเผา ข้าพเจ้ารู้สึกสงสัยเป็นล้นพ้น จึงถามไกด์ ไกด์ตอบว่า เท่าที่จำความได้ เห็นชายคนนั้นยืนอยู่ที่นั่นตั้งแต่เช้าจรดเย็นเหมือนดั่งรูปปั้น ไม่พูดไม่จากับใคร คิดว่าน่าจะเป็นคนวิกลจริต

ทราบดังนั้นแล้ว ข้าพเจ้าจึงเข้าไปทักทายให้สล่าม ชายคนนั้นตอบด้วยสำเนียงตุรกี ได้ยินเช่นนั้น ข้าพเจ้าก็ยิ่งสงสัยมากขึ้น ทำไมชายผู้นี้มีสำเนียงตุรกี เขาเป็นใครกันแน่

ข้าพเจ้าจึงถามต่อ ชายผู้นั้นแนะนำตัวเองว่า เขาชื่อ สิบโทหะซัน หัวหน้าหน่วยปืนเล็กที่ 11 กองที่ 8 แถว 36 กองทัพที่ 20 ของกองทัพออตโตมาน เขาเล่าว่า

"ในสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่ออังกฤษโจมตีหน่วยของเราทางด้านคลอง โดยที่กองทัพออตโตมานถูกกระหน่ำทุกๆด้าน โดยที่กองทัพของเรามีอาวุธยุทโธปกรณ์จำกัดมาก ในที่สุดเราก็ต้องถอยร่น แผ่นดินของบรรพบุรุษถูกยึดเมืองเเล้วเมืองเล่า เมื่ออังกฤษบุกยึดอัลกุดส์ หน่วยของเราเป็นหน่วยสุดท้ายที่ยังคงอยู่ โดยที่อาณาจักรออตโตมานให้หน่วยเราอยู่ดูแลเมืองไม่ให้เกิดความวุ่นวายจากการจี้ปล้น จนกว่าอังกฤษจะเข้ามา

พวกเราทั้งหมด 53 คน อยู่เป็นกองกำลังสุดท้าย ต่อมาเราทราบข่าวว่าอาณาจักรออตโตมานยอมถอนทหารตามข้อตกลงในสนธิสัญญามอนโดรส  นายสิบเอกหัวหน้าหน่วยประกาศว่า

  “ทหารเสือทั้งหลาย กองทัพออตโตมานตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากอย่างยิ่ง จึงตัดสินใจยอมถอย หัวหน้าหน่วยทหารทั้งหมดถูกเรียกตัวกลับกรุงอิสตันบูล ฉันเองก็ต้องเชื่อฟังคำสั่ง ไม่งั้นจะเป็นการละเมิดสัญญาสงบศึกและขัดขืนคำสั่ง ฉะนั้นผู้ใดต้องการกลับก็สามารถกลับได้ แต่ฉันขอบอกว่า อัลกุดส์ เป็นอะมานะฮ์จากสุลต่านสะลีม ข่าน ที่ตกอยู่ในความรับผิดชอบของเรา ที่เราไม่อาจละวางหรือทรยศได้  ฉันอยากแนะนำให้พวกท่านคงทำหน้าที่พิทักษ์เมืองอยู่ที่นี่ เพื่อไม่ให้ชาวเมืองกล่าวว่า  “อาณาจักรออตโตมานทอดทิ้งเรา ทรยศต่อเรา” ด้วยอาณาจักรออตโตมานนั้น หากได้ทอดทิ้งอัลกุดส์ อันเป็นกิบละฮ์แรกของมนุษย์ผู้ประเสริฐสุด นบีมุฮัมมัด ศอลฯ ก็จะเป็นชัยชนะที่แท้จริงของศัตรู พวกท่านอย่าได้ปล่อยให้เกียรติภูมิของอิสลามและอาณาจักรออตโตมานถูกเหยียบย่ำเด็ดขาด

ขออนุญาตจากลา อย่าลืมเราในดุอาอ์ของท่าน ดูแลตัวเองด้วย ขอให้อัลลอฮ์คุ้มครองครับ”

“ลูกเอ๋ย ขอให้ได้รับความพึงพอใจจากอัลลอฮ์ ฝากสล่ามของฉันไปยังดินแดนแห่งอนาโตลี  ฝากสล่ามของฉันไปยังอาณาจักรออตโตมาน” เขากล่าวตอบ

ต่อมาเมื่อกลับสู่กรุงอิสตันบูล ข้าพเจ้าทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับสิบโทหะซัน  ไปหาสิบเอกมุศตอฟา ที่เมืองตูกาต ตามสถานที่ที่เขาบอกไว้ แต่ก็ผิดหวัง ข้าพเจ้าไม่อาจทำตามที่รับปากไว้กับเขา สิบเอกมุศตอฟาเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว

ในปี 1982 ขณะที่กำลังทำงานอยู่ในสำนักข่าว ข้าพเจ้าก็ได้รับไปรษณียบัตรฉบับหนึ่ง มาจากเมืองอัลกุดส์ ข้าพเจ้ารู้สึกฉงน จากใครกัน

ปรากฏว่าเป็นไปรษณียบัตรจากไกด์นำเที่ยวที่ข้าพเจ้าเล่าให้เขาฟังถึงเรื่องราวของชายชราดังกล่าว ในนั้นมีข้อความจดบันทึกประวัติศาสตร์ที่สำคัญ เขาบอกว่า “วันนี้ ผู้พิทักษ์มัสยิดอักซอคนสุดท้ายได้เสียชีวิตลงแล้ว”

...ขอให้อัลลอฮ์เมตตาท่าน สิบโทหะซัน สัญญาที่นักข่าวให้ไว้กับท่าน 

อินชาอัลลอฮ์  สักวันหนึ่ง ออตโตมานจะไปปลดปล่อยมัสยิดอักซอ...

 

เผยแพร่ครั้งแรกที่ : Facebook กลุ่มประชาชาติแห่งอิสลาม 

อ่านต้นฉบับได้ที่

http://hiramagazine.com/%D8%A2%D8%AE%D8%B1-%D8%AD%D8%B1%D9%91%D8%A7%D8%B...